Connect with us

Hi, what are you looking for?

culture

นางแบบระดับโลกต้องหน้าตาเป็นยังไง สาวไทยมีโอกาสแค่ไหนบนรันเวย์ระดับโลก

นางแบบระดับโลกต้องหน้าตาเป็นยังไง สาวไทยมีโอกาสแค่ไหนบนรันเวย์ระดับโลก

จากกรณีที่ทักษิณ ชินวัตร ไปปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.เชียงราย ในวันที่ 5 ม.ค. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการกล่าวถึงนางแบบเชื้อสายแอฟริกันที่สามารถเป็นนางแบบระดับแถวหน้าของโลกได้ โดยกล่าวว่า 

“หมู่คนแอฟริกา ดำก็ดำ จมูกก็แหมบ หายใจก็ยาก โดนเขาจ้างไปเป็นนางแบบ เดินแบบครั้งหนึ่งเป็นล้านบาท เด็กบ้านเรายังหน้าตาดีกว่า ไม่ต้องไปทำจมูก เสริมกราม ต่อไปนี้เราจะคัดคนบ้านเรา ที่เป็นชนชาติไทย คนดอย คนกระเหรี่ยง ที่สวยธรรมชาติ ไม่ต้องไปเสียเงินทำจมูก เสริมนม ใครบุคลิกดีก็ส่งไปเป็นนางแบบระดับโลก”

หรือบนเวที ‘ISANNEXT พลิกเศรษฐกิจไทย ฝ่าวิกฤตโลก’ ก่อนหน้านั้นที่กล่าวว่า

“ผู้หญิงอีสานทำไมถึงมีฝรั่งมาชอบเยอะแยะ ความสวยของธรรมชาติบางทีบางครั้งมีเสน่ห์ ถ้าเราจะประกวดคนอีสาน ที่ไม่ผ่านการศัลยกรรมเลย แล้วนำไปสอน เป็นนางแบบระดับโลกดีหรือไม่ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับคนอีสาน เช่น คนผิวดำแอฟริกาที่เป็นนางแบบระดับโลก”

จนถึงการที่ทักษิณ ชินวัตร เชิญ นาโอมิ แคมป์เบลล์ นางแบบระดับโลก มาเป็นที่ปรึกษาหารือขับเคลื่อนอุตสาหกรรมแฟชั่น คัดเด็กไทยในชนบท-ครอบครัวไม่ค่อยมีฐานะ ปั้นสู่เวทีโลก และนาโอมิก็ได้เดินทางมาประเทศไทยและได้เข้าพบกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมคนไทยและเยาวชนไทยที่มีความสามารถในด้านการเดินแบบ ออกแบบ และทักษะด้านแฟชั่นอื่นๆ ไปสู่วงการและอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก

Rocket Media Lab ชวนสำรวจข้อมูลความหลากหลายของนางแบบบนรันเวย์ระดับโลก รวมไปถึงการก้าวขึ้นไปทำงานบนรันเวย์ระดับโลกของนางแบบไทย นางแบบระดับโลกต้องหน้าตาเป็นอย่างไร และนางแบบไทยที่ไปทำงานระดับโลกหน้าตาแบบไหน จะไปทำงานระดับโลกได้ต้องทำอย่างไรบ้าง 

ความหลากหลายของนางแบบบนรันเวย์ระดับโลก

ปัญหาเรื่องความหลากหลายของนางแบบบนรันเวย์ไม่ว่าจะที่ปารีส มิลาน ลอนดอน หรือนิวยอร์ก เป็นสิ่งที่ถูกพูดถึงมานานว่าอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลกนั้นเต็มไปด้วยนางแบบผิวขาว ในขณะที่นางแบบผิวสีอื่นๆ (Non-White) นั้นมีจำนวนน้อยกว่าและยากที่จะเบียดขึ้นมาอยู่ในะดับแถวหน้าได้ หรือหากก้าวขึ้นมาได้ก็ยังมีจำนวนน้อยกว่านางแบบผิวขาวอยู่ดี 

ในปี 2013 The Fashion Spot สื่อด้านแฟชั่นเริ่มทำรายงานเกี่ยวกับความหลากหลายของนางแบบในอุตสาหกรรมแฟชั่น เริ่มต้นจากสีผิวของนางแบบในเอเจนซีที่ส่งนางแบบเดินบนรัเวย์นิวยอร์กแฟชั่นวีค โดยพบว่าในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2014 นั้น นิวยอร์กแฟชั่นวีคใช้นางแบบทั้งหมด 512 คน โดยมีนางแบบในกลุ่ม Non-White (คือผิวสีทั้งหมดที่ไม่ใช่ผิวขาว) เพียงแค่ 93 คน หรือคิดเป็น 18.16% เท่านั้นเอง

ไม่เพียงแค่นั้น The Fashion Spot ยังทำรายงานตามมาอีกมากมายทุกปี ทั้งเรื่องความหลากหลายของนางแบบในแคมเปญโฆษณา บนปกนิตยสาร เจาะเฉพาะประเด็นนางแบบ/นายแบบที่เป็น LGBTQ, Transgender ไปจนถึงความหลากหลายของชาติพันธ์ุ รูปร่าง เพศสภาพ และอายุของนางแบบที่ปรากฏตัวบนรันเวย์แฟชั่นวีคที่นิวยอร์ก ก่อนจะขยายรายงานไปสู่รันเวย์หัวเมืองแฟชั่นทั้ง 4 เมืองหลักของโลกทั้งปารีส มิลาน ลอนดอน และนิวยอร์ก เพื่อขับเคลื่อนประเด็นเรื่องความหลากหลายของนางแบบในอุตสาหกรรมแฟชั่น

โดยในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2015 เป็นคอลเลกชั่นแรกที่ The Fashion Spot ทำการเก็บข้อมูลรันเวย์ทั้ง 4 หัวเมืองหลักเป็นครั้งแรก ซึ่งพบว่ามีนางแบบ Non-White เพียงแค่ 17% เท่านั้นเอง โดยนิวยอร์กอยู่ที่ 20.9% ลอนดอน 17.2% มิลาน 15.7% และปารีส 15.6%

ขณะที่รายงานล่าสุด Runway Diversity Report ของ The Fashion Spot ซึ่งเป็นรายงานของคอลเลกชั่น Fall/Winter 2022 พบว่า นางแบบ Non-White จากทั้ง 4 แฟชั่นวีคอยู่ที่ 48.6% ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากจาก 17% ในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2015 และหากพิจารณาในแต่ละเมืองจะพบว่านิวยอร์กมีการใช้นางแบบ Non-White อยู่ที่ 54.9% ตามมาด้วยลอนดอน 50.9% ปารีส 46.3% และมิลาน 45.2% จะเห็นได้ว่านิวยอร์กเป็นรันเวย์ที่ให้โอกาสนางแบบที่ไม่ใช่ผิวขาวมากกว่าแฟชั่นวีคในเมืองอื่นเสมอมา 

แล้วนางแบบยอดนิยมบนรันเวย์แฟชั่นล่ะ หน้าตาแบบไหน 

นางแบบมีหลายประเภท ทั้งระดับไอคอนของวงการ ระดับซูเปอร์โมเดล ระดับที่คาบเกี่ยวระหว่างการเป็นคนดัง (เซเลบริตี้) กับการเป็นนางแบบอาชีพ และแม้แต่การเป็นนางแบบอาชีพเองก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นงานโฆษณา งานถ่ายแบบ งานเดินแบบ ฯลฯ หากจะพิจารณาจากรันเวย์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นพื้นที่ในการทำงานของนางแบบที่ไม่ว่าจะยุคไหน ประเภทไหนก็ล้วนแล้วแต่ต้องเริ่มต้น หรือผ่านการทำงานบนรันเวย์มาแทบทั้งนั้น โดยพิจารณาจากการเดินแบบให้กับแบรนด์ต่างๆ ในคอลเลกชั่นล่าสุด Spring/Summer 2025 จากทั้งแฟชั่นวีค 4 หัวเมืองหลัก ปารีส มิลาน ลอนดอน และนิวยอร์ก จะพบว่า ในจำนวน 100 คนแรกที่ได้เดินแบบจำนวนโชว์มากที่สุดให้กับแบรนด์ต่างๆ สามารถแยกได้เป็น

นางแบบผิวขาว (White) 41 คน 

นางแบบผิวดำ (Black) 31 คน

นางแบบเอเชีย (Asian) 16 คน

นางแบบลาติน (Latin and Caribbean) 10 คน

อื่นๆ 2 คน 

ในนางแบบ 100 คนที่ได้งานเดินแบบมากที่สุดในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 นี้ แม้นางแบบผิวขาวจะมีจำนวนมากที่สุด แต่นางแบบที่ได้งานมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของซีซั่นนี้ก็คือ Awar Odhiang นางแบบชาวเอธิโอเปีย โดยเธอได้เดินแบบให้กับแบรนด์มากถึง 40 โชว์ในซีซั่นนี้ และได้เดินฟินาเล่ (ปิดโชว์) ถึง 3 โชว์ด้วยกัน 

ในบรรดานางแบบผิวขาว 41 คนที่ได้เดินแฟชั่นโชว์มากที่สุดในซีซั่นนี้ พบว่ามาจากหลากหลายประเทศด้วยกัน ทั้งสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ โดยคนที่ได้งานสูงที่สุดก็คือ Lulu Tenney นางแบบชาวอเมริกัน ที่เดินแบบ 36 โชว์ 

สำหรับนางแบบผิวดำ 31 คน พบว่าเป็นนางแบบจากประเทศซูดานใต้จำนวนมากถึง 14 คน หนึ่งในนั้นคือ Anok Yai นางแบบที่ฮอตที่สุดในวงการแฟชั่นในตอนนี้ แต่ในซีซั่นนี้เธอเดินแบบแค่ 21 โชว์เท่านั้น 

นางแบบเอเชีย จำนวน 16 คน พบว่า เป็นนางแบบชาวจีน 10 คน และเป็นนางแบบเชื้อสายจีนสัญชาติแคนาดาอีก 1 คน เป็นนางแบบเกาหลีใต้ 2 คน อินเดีย 2 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นสัญชาติสวิส และนางแบบญี่ปุ่นอีก 1 คน โดยผู้ที่ได้งานสูงสุดคือ Yilan Hua นางแบบชาวจีน จำนวน 33 โชว์ 

นางแบบลาติน 10 คน โดยในการจัดประเภทในครั้งนี้นับรวมบราซิลและคาริบเบี้ยนอยู่ในหมวดหมู่นี้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนางแบบชาวบราซิล 6 คน สเปน 2 คน โดนิมิกัน 1 คน และอเมริกันเชื้อสายคิวบาอีก 1 คน โดยผู้ที่ได้งานสูงสุดคือ Sara Caballero นางแบบชาวสเปน จำนวน 36 โชว์ 

และสุดท้ายเป็นนางแบบในกลุ่มอื่นๆ 2 คน ซึ่งมีทั้งนางแบบจากอิสราเอล และนางแบบเชื้อชาติอังกฤษ-โมร็อคกัน 

จะเห็นได้ว่าจากรายงาน Runway Diversity Report ของ The Fashion Spot แม้นางแบบในส่วนที่เป็น Non-White จะเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 นางแบบ 100 คนแรกที่ได้เดินแบบจำนวนโชว์มากที่สุด ก็มีนางแบบ Non-White ถึง 59 คน และยังเป็นนางแบบผิวดำมากถึง 31 คน และนางแบบที่ได้เดินโชว์มากที่สุดในซีซั่นนี้ยังเป็นนางแบบผิวดำอีกด้วย ในขณะเดียวกัน รายงาน Runway Model demographics and statistics in the US ของ Zippia The Career Expert พบว่า รายได้ของนางแบบผิวดำนั้นต่ำที่สุด โดยอยู่ที่เฉลี่ย 111,224 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในขณะที่นางแบบผิวขาวรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 163,404 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี ส่วนนางแบบเอเชียอยู่ที่ 125,520 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี และนางแบบลาติน/ฮิสแปนิก อยู่ที่ 149,266 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี 

นางแบบไทยหน้าตาแบบไหนถึงจะได้โกอินเตอร์ 

ในอดีตประเทศไทยมีนางแบบไทยที่ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลกอย่าง ยุ้ย-รจนา เพชรกัณหา สาวอีสาน จากจังหวัดอุบลราชธานี ที่โด่งดังถึงขั้นที่เคยถ่ายแอดโฆษณาน้ำหอม Allure ของ Chanel และนั่นอาจทำให้เกิดภาพจำของการเป็นสาวอีสานที่ฝรั่งชื่นชอบ 

ในขณะที่ปัจจุบันนี้ กลับกลายเป็นนางแบบ ‘หน้าหมวย’ อย่าง แจน ใบบุญ เจ้าของความสูง 180 เซนติเมตร ที่มีโอกาสไปทำงานในระดับอินเตอร์และประสบความสำเร็จอย่างสูง แจนมีโอกาสได้เดินแฟชั่นโชว์ให้กับแบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel, Burberry, Rick Owens, Dolce & Gabbana แถมยังได้ถ่ายแอดแคมเปญให้กับ Vivienne Westwood และ Burberry อีกด้วย

โดยในซีซั่น Spring/Summer 2023 แจนติด 1 ใน 100 นางแบบที่ได้เดินแบบสูวสุดในซีซั่นนั้นด้วย โดยแจนได้เดินถึง 14 โชว์เลยทีเดียว และในซีซั่น Fall/Winter 2024 แจนก็ติด 1 ใน 100 อีกครั้ง โดยได้เดินแบบถึง 15 โชว์ 

และในซีซั่นนี้ Spring/Summer 2025 แจนเดินโชว์ให้กับแบรนด์มากมาย ทั้ง Elie Saab, Torishéju, Shiatzy Chen, Comme des Garçons, Andreas Kronthaler for Vivienne Westwood, Balmain, L’Oréal Paris, Diesel, Elisabetta Franchi, 16Arlington, Richard Quinn, Chet Lo 

นอกจากแจน ใบบุญ แล้วยังมี ไอด้า บัวรัตน์ ซึ่งเคยสร้างชื่อในการเดินโชว์ให้กับ Gucci มาแล้ว รวมถึง Rick Owens และ Valentino อีกด้วย โดยในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 ไอด้ามีผลงานบนรันเวย์ของแบรนด์ Weinsanto และ Private Policy

ในขณะที่ เพียว-ปีย์วรา เรืองอร่าม นางแบบที่สร้างชื่อจากการเป็นนางแบบไทยคนแรกที่ได้เดินเปิดโชว์ให้กับแบรนด์ Alexander Wang และในคอลเลกชั่น Spring/Summer 2025 นี้ เพียวเดินแบบให้กับแบรนด์ Shiatzy Chen, Elisabetta Franchi, MM6 Maison Margiela, KNWLS, Ahluwalia, Cucculelli Shaheen, LaQuan Smith 

และนางแบบรุ่นใหม่อีกคนที่เพิ่งจะโกอินเตอร์ นั่นก็คือ เตย-สุพิชชา ไชยานุกูลภา ที่เพิ่งจะเดบิวต์การเป็นนางแบบบนรันเวย์ระดับโลกในซีซั่นล่าสุดนี้ Fall/Winter 2025 ที่นิวยอร์กแฟชั่นวีค โดยมีผลงานบนรันเวย์ของ Christian Siriano, Kim Shui, The Blonds, Shao, HEARTHROB

จะเห็นได้ว่านางแบบไทยที่มีโอกาสได้ไปทำงานระดับโลก มีทั้งสาวหมวย สาวทรานส์ ไปจนถึงสาวเฉี่ยว ไม่ได้จำกัดอยู่แต่ในสเตอริโอไทป์แบบเดิมๆ อีกต่อไป 

โอกาสสาวไทยบนรันเวย์ระดับโลกจะเกิดขึ้นได้อย่างไร 

จากการที่ทักษิณ ชินวัตร เชิญ นาโอมิ แคมป์เบลล์ นางแบบระดับโลก มาเป็นที่ปรึกษาและได้เดินทางมาประเทศไทยและได้เข้าพบกับแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมคนไทยและเยาวชนไทยที่มีความสามารถในด้านการเดินแบบ ออกแบบ และทักษะด้านแฟชั่นอื่นๆ ไปสู่วงการและอุตสาหกรรมแฟชั่นระดับโลก

นำมาสู่คำถามที่น่าสนใจก็คือ แล้วสาวไทยจะเดินทางไปสู่ระดับโลกได้อย่างไร 

ในกรณีของแจน ใบบุญ นอกจากการเริ่มทำงานในฐานะนางแบบที่ประเทศไทยแล้ว เธอยังมีโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานที่ฮ่องกงและสิงคโปร์ และเป็นหนึ่งในนางแบบที่ได้เดินในแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นครูส 2019 ของ Chanel ที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกที่ประเทศไทยอีกด้วย 

จากนั้นเมื่อเอเจนซีที่ประเทศอังกฤษเห็นภาพของเธอจากอินสตาแกรม จึงได้ติดต่อชักชวนให้ไปทำงานที่ลอนดอน โดยแจนได้เป็นนางแบบในสังกัดเอเจนซี Wilhelmina London ที่ลอนดอน ในขณะที่ที่ปารีสและนิวยอร์ก เธอมีเอเจนซีคือ Supreme Management ส่วนที่มิลานเธออยู่เอเจนซี Why Not Model Management 

การจะทำงานในฐานะนางแบบในเวทีระดับโลก สิ่งสำคัญก็คือต้องมีสังกัดเอเจนซี ซึ่งจะทำให้ได้วีซ่าการทำงาน บุคคลที่อาจจะเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้นี้และทำให้สาวไทยเดินทางไปสู่การทำงานในระดับโลกได้ ก็คือฝ่ายแคสติ้งหรือฝ่ายตามหานางแบบนายแบบมาเข้าสังกัดของเอเจนซีระดับโลกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Wilhelmina, Supreme Management, Next, Muse Management, Select Model, Ford Models, Brave Model, Premium Model, Elite ฯลฯ ที่อาจจะให้คำตอบได้ว่าเอเจนซีมีวิธีการหานางแบบจากไหน อย่างไร หานางแบบแบบไหน และนางแบบแบบไหนที่เป็นที่ต้องการในอุตสาหกรรมแฟชั่นในตอนนี้และในอนาคตบ้าง 

รวมไปถึงผู้ที่เป็นแคสติ้งไดเร็กเตอร์ของแบรนด์เสื้อผ้า หรือของโชว์ต่างๆ งานโฆษณา งานแคมเปญโฆษณา ซึ่งเป็นทั้งคนที่เลือกนางแบบมาเดินแบบ หรือเป็นคนที่คัดเลือกนางแบบไปให้ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกอีกที ก็จะเป็นผู้ที่บอกได้ว่า อะไรคือสิ่งที่แคสติ้งไดเร็กเตอร์ตามหาในตัวนางแบบคนหนึ่ง และอะไรทื่จะทำให้นางแบบคนหนึ่งได้หรือไม่ได้งานบ้าง

และสุดท้ายคือตัวนางแบบที่มีโอกาสไปทำงานในระดับโลกเอง ไม่ว่าจะเป็นแจน ใบบุญ, ไอด้า บัวรัตน์ เพียว ปีย์วรา, เตย-สุพิชชา และคนอื่นๆ อีกมากมาย ที่จะสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ได้ว่ากว่าที่พวกเธอจะสามารถก้าวไปทำงานในระดับโลกได้ จะต้องทำอะไร หรือผ่านอะไรมาแล้วบ้าง

อ้างอิง

Top 100 Runway Models Ranking 

Fashion Diversity Report

Runway Model Demographics

คุณอาจสนใจ