Connect with us

Hi, what are you looking for?

culture

ปีนกำแพงส่องซีรีส์จีน: จีนส่งออกภาพลักษณ์แบบไหนสู่สายตาโลก

สำรวจซีรีส์จีน 96 เรื่อง ที่ฉายในไทยปี 2024 ผ่าน WeTV และ iQIYI บอกเล่าเรื่องอะไร มีความเป็นจีนแบบไหนบ้าง

ภาพจากละครเรื่องจิ่วฉงจื่อ ฉายทาง WeTV
  • จากซีรีส์จีนในปี 2024 ทั้ง 96 เรื่อง ซีรีส์แนวจีนโบราณ (Costume Drama) เป็นประเภทซีรีส์ที่ออกฉายมากที่สุด ตามมาด้วยแนวรักในเมือง (Metropolitan) และแนววัยรุ่น (Idol/Youth) ส่วนซีรีส์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งแตกต่างจากชาติอื่นอย่างชัดเจน ได้แก่ แนวกำลังภายใน (Wuxia), เทพเซียน (Xianxia) และแฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan) ที่มักสอดแทรกวัฒนธรรมและประเพณีจีนโบราณลงไปด้วย มีซีรีส์ประเภทนี้รวม 15 เรื่อง หรือคิดเป็นสัดส่วน 15.63% ของทั้งหมด
  • การส่งออกวัฒนธรรมจีนดำเนินการอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่โครงการ Going Global ในปี 1999 จนการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงหนึ่งในเป้าหมายและงานของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าคือ การทำให้วัฒนธรรมจีนได้รับความสนใจ และเพิ่มบทบาทของจีนในต่างประเทศ
  • ซีรีส์ที่ออกอากาศทางช่องของรัฐบาลจีนสอดแทรกอุดมการณ์ทางการเมือง เช่น ซีรีส์ยุคสาธารณรัฐ เสนอเนื้อหาแนวรักชาติ แสดงภาพลักษณ์ไม่ดีของพรรคก๊กมินตั๋งว่าเป็นผู้บ่อนทำลายชาติ กระทั่งซีรีส์แนวรักในเมืองและวัยรุ่นก็สอดแทรกเหตุการณ์ที่จีนเห็นว่าสำคัญ เช่น เหตุการณ์การที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนปี 1997 หรือช่วงเวลาที่เป็นการประกาศผลการคัดเลือกประเทศเจ้าภาพโอลิมปิก 2008
  • ซีรีส์ที่ใช้ซินเจียงและทิเบตเป็นสถานที่ถ่ายทำ ถ่ายทอดให้เห็นภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม แปลกตา ทั้งที่อาจถือว่าเป็นพื้นที่อ่อนไหวและเป็นพื้นที่ขัดแย้งที่ทำให้จีนถูกวิจารณ์ว่า รุกรานผู้ที่อยู่อาศัยเดิม และละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น เรื่องสู่แดนฝัน อาเล่อไท่ ที่นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตและธรรมชาติ โดยไม่กล่าวถึงประเด็นขัดแย้งอื่นๆ 
  • ซีรีส์แนวรักในเมืองมักเสนอภาพความทันสมัยของจีน ความรักของคนหนุ่มสาวที่ทำงานบริษัทในอาคารสำนักงาน ฉากหลังที่เป็นเมืองใหญ่สมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า เทคโนโลยีล้ำสมัย ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของจีนตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ที่ปรากฏอยู่ 7 เรื่องจาก 15 เรื่อง
  • ในซีรีส์ยุคปัจจุบัน พระเอกมักมีอาชีพที่แสดงออกถึงความสำเร็จและความมั่งคั่ง อาชีพที่พบมากที่สุดคือ ประธานบริษัท ขณะที่นางเอกในซีรีส์จีนต้องฝ่าฟันเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยความสามารถของตัวเอง หรือมีทักษะเฉพาะทางบางอย่าง ที่ต้องใช้ความรู้ เพื่อเอาชนะอุปสรรค อย่างไรก็ตามยังคงต้องปะทะกับความคิดที่ว่า ผู้หญิงต้องแต่งงาน ดูแลสามี ลูกและครอบครัว
  • หลายเรื่องเป็นซีรีส์ที่สอดแทรกตำนานตามความเชื่อของจีนอยู่ด้วย รวมทั้งคำสอนขงจื๊อและคำสอนอื่นๆ ตามจารีตเดิมที่แทรกอยู่ในซีรีส์จีนหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น บทบาททางเพศ ความกตัญญู และความสัมพันธ์ในครอบครัว

ซีรีส์จีนได้รับความนิยมในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยยอดการค้นหาคำว่า “ซีรีย์จีน” และ “ซีรีส์จีน” ในกูเกิลเติบโตตั้งแต่กลางปี 2020 ถึงสิงหาคม 2025 จนประเทศไทยเป็นตลาดใหญ่ของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากจีน ผู้ชมซีรีส์จีนคิดเป็นสัดส่วน 45% ในตลาดแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง โดยเฉพาะละครย้อนยุคและละครแนวกำลังภายใน การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของทั้งซีรีส์จีนและแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสัญชาติจีนถูกมองว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การต่างประเทศผ่านซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลจีน ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความประทับใจในวัฒนธรรมจีน ซึ่งจะส่งผลต่อการรับรู้เกี่ยวกับจีนในทางบวก

จากซีรีส์จีนจำนวน 5,044 เรื่องที่ฉายในจีนตั้งแต่ปี 2006-2024 Rocket Media Lab เลือกสำรวจซีรีส์จีนที่เผยแพร่และฉายในประเทศไทยในปี 2024 ผ่านแพลตฟอร์มหลัก 2 แพลตฟอร์ม ได้แก่ iQIYI และ WeTV และมีคำบรรยายใต้ภาพภาษาไทยอย่างเป็นทางการ (Official Thai Subtitles) จำนวน 96 เรื่อง เพื่อทำความเข้าใจว่า ซีรีส์จีนที่ออกฉายสู่ชาวโลกนำเสนออะไรบ้าง

เส้นทางส่งออกวัฒนธรรมจีนสู่สายตาโลก 

ซีรีส์จีนหรือที่เรียกกันว่า C-Dramas กลายเป็นสินค้าส่งออกทางวัฒนธรรมสำคัญของจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซีรีส์จีนได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย เช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ มีรายงานว่า ในปี 2024 จำนวนผู้ชมซีรีส์จีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ มีสัดส่วนมากกว่าซีรีส์อเมริกันแล้ว ยอดผู้ชมละครจีนที่ผสมผสานประวัติศาสตร์จีน ภาษา และคุณค่า ไปจนถึงละครแนวความรักได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ข้อมูลของทางการจีน โดย Global Times ระบุว่า ในปี 2021 จีนส่งออกละครสูงถึง 714 เรื่องเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 118% สร้างรายได้มูลค่า 56.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การส่งออกซีรีส์จีนมากขึ้นและเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ผู้คนในแถบภูมิภาคนี้เริ่มสนใจในวัฒนธรรมจีนมากขึ้น จนทำให้ในปี 2025 จีนเริ่มกลายเป็นหมุดหมายของการท่องเที่ยวของคนในภูมิภาคนี้ จากผลสำรวจของ ISEAS 2025 พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามที่ตอบว่า ชอบเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 5.9% เป็น 6.7% ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนหนึ่งให้เหตุผลว่าชอบเที่ยวประเทศจีนเพราะอยากตามรอยซีรีส์จีน

การส่งออกวัฒนธรรมจีนดำเนินการอย่างเป็นระบบนับตั้งแต่โครงการ Going Global ในปี 1999 ที่ส่งเสริมให้ธุรกิจจีนออกไปลงทุนยังต่างประเทศ รัฐบาลจีนยังเน้นย้ำบทบาทของภาพยนตร์และโทรทัศน์จีนเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมมากขึ้น การส่งออกซีรีส์จีนเติบโตพร้อมกับนโยบายกำกับดูแลจากรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นของจีน ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเลือก การแปล การเผยแพร่ซีรีส์จีน และการตลาด ต่อมาในปี 2017 มีการก่อตั้งสมาคมนำเข้าและส่งออกภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์จีน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายตลาดสู่ต่างประเทศ ในปี 2018 สมาคมฯ มีนโยบายมอบสิทธิประโยชน์ทางการเงิน และมาตรการทางภาษีเพื่อส่งเสริมให้ผู้ผลิตซีรีส์ส่งออกไปยังต่างประเทศ ภายใต้นโยบายโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative – BRI) ซึ่งเปิดตัวโดยประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง ตั้งแต่ปี 2013 โดยที่ซีรีส์จีนกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือหลักของรัฐบาลจีนในการสื่อสาร ทั้งการเล่าเรื่องจีน เผยแพร่เสียงของชาวจีน และโปรโมทวัฒนธรรมจีนสู่ระดับโลก

การให้ความสำคัญกับการเผยแพร่วัฒนธรรมจีนสู่สายตาชาวโลกยังถูกเน้นย้ำให้ชัดเจนมากขึ้นจากนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต์ ในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งที่ 20 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2022 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวถึงหนึ่งในเป้าหมายและงานของประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าคือ การทำให้วัฒนธรรมจีนได้รับความสนใจ และเพิ่มบทบาทของจีนในต่างประเทศ สุนทรพจน์ของสี จิ้นผิง มีคำว่าวัฒนธรรมถึง 69 ครั้ง และปีเดียวกันนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนและหน่วยงานรัฐอีก 27 องค์กรร่วมกันแถลงยุทธศาสตร์การสถาปนาจีนให้เป็นอำนาจวัฒนธรรมในระดับโลก 

ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคฯ ครั้งที่ 20 ปี 2022 มีการเสนอการทำงานทางวัฒนธรรมจาก 5 ด้าน ได้แก่ 5 ด้าน ได้แก่ (1) การสร้างอุดมการณ์สังคมนิยมที่มีพลังยึดเหนี่ยวและชี้นำที่แข็งแกร่ง (2) การปฏิบัติตามค่านิยมหลักสังคมนิยมอย่างกว้างขวาง (3) การยกระดับอารยธรรมของสังคมโดยรวม (4) การส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของกิจการและอุตสาหกรรมวัฒนธรรม (5) การเพิ่มพลังการเผยแพร่และอิทธิพลของอารยธรรมจีน

ต่อมาเมื่อมิถุนายน 2023 ที่ประชุมว่าด้วยมรดกทางวัฒนธรรมและการพัฒนา ออกแนวทาง 14 ประการในการสร้างสรรค์วัฒนธรรม ซึ่งสอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยข้อ 14 กล่าวถึงการเผยแพร่วัฒนธรรมจีนออกสู่ต่างประเทศอย่างชัดเจนว่า ต้องส่งเสริมคุณค่าร่วมของมนุษยชาติ นำแนวคิดความคิดริเริ่มอารยธรรมโลก (Global Civilization Initiative: GCI) ซึ่งเป็นโครงการที่นำเสนอโดย สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนในเดือนมีนาคม 2023 และต้องส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและเรียนรู้อารยธรรมระหว่างกัน ทั้งนี้ ภารกิจทางวัฒนธรรมใหม่ คือการส่งเสริมความมั่งคั่งทางวัฒนธรรม สร้างอำนาจทางวัฒนธรรม และสร้างอารยธรรมใหม่เพื่อชาติจีนจากจุดเริ่มต้นใหม่

Fan Yi ผู้อำนวยการสถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซีกล่าวงานใน 2025 International Creative Content Creators (2025 ICCC) ระหว่างวันที่12-14 กุมภาพันธ์ ที่กรุงเทพฯ ว่า “ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วการเผยแพร่สื่อจีนในหลากหลายช่องทาง ช่วยให้ผู้ชมเข้าใจวัฒนธรรมและสังคมจีนมากขึ้นด้วยความใกล้เคียงทางวัฒนธรรม ผู้ชมในอาเซียนจึงเข้าถึงและชื่นชอบซีรีส์จีนได้ง่ายโดยเฉพาะแนวย้อนยุค จากสถิติในช่วงสิบปีที่ผ่านมา มีซีรีส์ย้อนยุคของจีนมากกว่า 20 เรื่องที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคอาเซียน ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์กว่างซีได้ร่วมมือกับสื่อจากหลายประเทศในอาเซียนแปลและออกอากาศผลงานร่วมกันแล้วมากกว่า 170 เรื่อง 8,000 ตอน ครอบคลุมตั้งแต่ภาพยนตร์และละครทีวี แอนิเมชั่น ซีรีส์ย้อนยุค ซีรีส์ยุคปัจจุบันไปจนถึงสารคดี

กระแสสังคมและทิศทางของอุตสาหกรรมบันเทิงในจีนมักจะดำเนินไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวคิดหรือสุนทรพจน์สำคัญของผู้นำประเทศ โดยเฉพาะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง โดยมีสำนักงานวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ (National Radio and Television Administration: NRTA) เป็นกลไกสำคัญที่ทำหน้าที่ควบคุมและผู้คัดกรองเนื้อหาทั้งหมด ไม่ว่าจะฉายผ่านสถานีโทรทัศน์หลักหรือแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง iQIYI และ WeTV ทุกเรื่องจะต้องได้รับใบอนุญาตเผยแพร่ (发行许可证) จาก NRTA ก่อนจึงจะสามารถออกอากาศได้

ดังนั้นซีรีส์จีนทุกเรื่องที่ผู้ชมชาวไทยได้รับชมผ่าน iQIYI และ WeTV จึงไม่ใช่เป็นเพียงผลงานสร้างสรรค์ของผู้ผลิต แต่ผ่านการคัดกรองและขัดเกลาอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากภาครัฐแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าค่านิยมเหล่านี้สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐบาลต้องการ

กำแพงเมืองจีน เปิดให้คนปีน(เข้า)ตอนไหน?

ซีรีส์จีนเฟื่องฟูในประเทศไทยมานานก่อนหน้านี้แล้ว โดยเฉพาะในยุค 1970-1990 โดยเป็นซีรีส์จีนจากฮ่องกง หรือไต้หวัน แนวกำลังภายใน เช่น เปาบุ้นจิ้น, เดชคัมภีร์เทวดา, กระบี่ไร้เทียมทาน, มังกรหยก ฉายผ่านสถานีโทรทัศน์ ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่เปิดประเทศ สถานีโทรทัศน์ในประเทศจีนเริ่มฉายละครจีนทางโทรทัศน์ครั้งแรก เมื่อปี 1990 ส่วนใหญ่เป็นละครอิงประวัติศาสตร์และเกี่ยวกับวังหลวง โดยเฉพาะราชวงศ์ชิง ในประเทศไทยละครชุดทางโทรทัศน์เรื่อง สามก๊ก ซึ่งสร้างขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ CCTV เป็นหนึ่งในเรื่องแรกๆ ที่ได้รับความนิยมในไทย ออกอากาศทางช่อง 9 อสมท. เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 1994

หลังจากจีนมีนโยบายที่เกี่ยวกับการเผยแพร่วัฒนธรรมไปสู่ต่างชาติตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 ซึ่งจีนเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และมีอิทธิพลในเวทีต่างประเทศมากขึ้น จีนมีนโยบายเชิงรุกด้านวัฒนธรรมและภาษาโดยจัดตั้งสถาบันขงจื่อในปี 2004 และแพร่ขยายไปทุกภูมิภาคของโลก จากนั้นด้วยนโยบายที่ต้องการผลักดันการสร้างอุตสาหกรรมทางวัฒนธรรม เพื่อให้เป็นสินค้าส่งออกพร้อมกับสร้างภาพลักษณ์ที่ดี และเผยแพร่วัฒนธรรมจีน เริ่มมีซีรีส์จากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย และต่างประเทศ เช่น เจาะมิติพิชิตบัลลังก์ ปี 2011 ซึ่งเป็นเรื่องราวในวังหลวงสมัยราชวงศ์ชิง มีการฉายทางช่อง 3 และถูกผู้ผลิตเกาหลีใต้ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างใหม่ในเวอร์ชั่นเกาหลีใต้

ซีรีส์จีนได้รับความนิยมในต่างประเทศเป็นวงกว้างมากขึ้นจากพัฒนาการของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต และการเติบโตของบริษัทไอทีของจีน โดย Tencent บริษัทซึ่งก่อตั้งในปี 1998 และต่อมาขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วทั้งบริษัทเกม เสิร์ชเอนจิ้น และเปิด Tencent Video หรือใช้ชื่อในต่างประเทศว่า WeTV แพลตฟอร์มบริการสตรีมมิ่งในปี 2011 ซึ่งในช่วงแรกฉายสารคดีจากต่างประเทศ เช่น BBC ออกอากาศภายในประเทศ จนต่อมาในปี 2019 เปิดบริการสตรีมมิ่งในต่างประเทศครั้งแรกที่ประเทศไทย โดยฉายคอนเทนต์ที่มาจากจีน มีพากย์ไทยและคำบรรยายไทย ดูฟรีแบบมีโฆษณาและแบบพรีเมียมที่เสียเงินเพื่อให้ได้ดูก่อนแบบดูฟรี โดยสามารถดูพร้อมกับการออกอากาศในจีน

หนึ่งในซีรีส์ที่เรียกได้ว่าเปิดตลาดซีรีส์จีนยุคใหม่ในไทย คือ ปรมาจารย์ลัทธิมาร ซึ่งออกอากาศทาง WeTV พร้อมกับประเทศจีนในวันที่ 27 มิถุนายน 2019 ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในไทย โดยตั้งแต่วันแรกที่ออกอากาศ #ปรมาจารย์ลัทธิมาร ก็ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 ติดต่อกันถึง 3 วันในช่วงเวลาที่ออกอากาศ ผู้บริหารของ WeTV ประเทศไทยระบุว่า ซีรีส์นี้ทำให้มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 250 เท่าตัว ซีรีส์เรื่องนี้กลายเป็นปรากฏการณ์ที่ทำให้ซีรีส์จีนเข้ามาตีตลาดในประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายอื่นที่ฉายซีรีส์จีนเพิ่มขึ้นด้วย 

ในประเทศไทย ผู้ชมซีรีส์จีนคิดเป็นสัดส่วน 45% ในตลาดแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งในไทย และประเทศไทยยังเป็นตลาดใหญ่ของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากจีน บริษัท iQIYI ให้ข้อมูลแก่สำนักข่าว CNA ว่า ในปี 2023 ยอดผู้ชมละครจีนในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอยู่ที่ 20% โดยมาจาก 5 ประเทศ ซึ่งครึ่งหนึ่งมาจากประเทศไทย แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรายสำคัญของซีรีส์จีนได้แก่ WeTV ซึ่งมีบริษัท Tencent เป็นเจ้าของเปิดให้บริการในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2019 และ iQIYI ภายใต้บริษัท Baidu เข้ามาทำการตลาดในไทยตั้งแต่ปี 2020 ทั้งคู่เป็นบริษัทสัญชาติจีน ซึ่ง WeTV เปิดเผยข้อมูลว่า ในปี 2023 ผู้ชม WeTV กว่า 70% เป็นผู้หญิง และในจำนวนนี้ 80% ของผู้หญิงช่วงอายุ 25-44 ปี ชื่นชอบการดูซีรีส์จีน

ซีรีส์จีนส่วนมากเป็นประเภทไหน มีเนื้อหายังไงบ้าง

จากการรวบรวมข้อมูลซีรีส์จีนที่ฉายในประเทศไทยระหว่าง ปี 2019 – 2024 ของ Rocket Media Lab พบว่า ซีรีส์จีนที่ฉายผ่านแพลตฟอร์ม iQIYI และ WeTV ในไทย รวม 661 เรื่อง โดย iQIYI มีจำนวนซีรีส์มากกว่าอยู่ที่ 382 เรื่อง ในขณะที่ WeTV มีจำนวน 279 เรื่อง

  • ปี 2019 ผ่าน WeTV จำนวน 43 เรื่อง 
  • ปี 2020 ผ่าน iQIYI จำนวน 91 เรื่อง และ WeTV จำนวน 58 เรื่อง 
  • ปี 2021 ผ่าน iQIYI จำนวน 74 เรื่อง และ WeTV จำนวน 43 เรื่อง 
  • ปี 2022 ผ่าน iQIYI จำนวน 77 เรื่อง และ WeTV จำนวน 43 เรื่อง 
  • ปี 2023 ผ่าน iQIYI จำนวน 85 เรื่อง และ WeTV จำนวน 47 เรื่อง 
  • ปี 2024 ผ่าน iQIYI จำนวน 55 เรื่อง และ WeTV จำนวน 45 เรื่อง

เมื่อ Rocket Media Lab จำแนกประเภทจากเนื้อหาของซีรีส์จีนที่ออกฉายในประเทศไทยปี 2024 ทางแพลตฟอร์ม iQiyi และ WeTV และมีคำบรรยายใต้ภาพภาษาไทยอย่างเป็นทางการ 96 เรื่อง สามารถแบ่งประเภทตามเนื้อเรื่องได้เป็น 13 ประเภท ดังนี้ 

  1. จีนโบราณ (Costume Drama) เรื่องที่มีฉากหลังเป็นยุคจีนโบราณ 29 เรื่อง 30.21%
  2. รักในเมือง (Metropolitan) ความรักของพระเอกนางเอกที่มีฉากหลังเป็นเมืองสมัยใหม่ 20 เรื่อง 20.83%
  3. วัยรุ่น (Idol/Youth) 10 เรื่อง 10.42%
  4. ยุคสาธารณรัฐ (Republican) ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับจีนในยุคเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นสาธารณรัฐ 8 เรื่อง 8.33%
  5. เทพเซียน ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับแฟนตาซีที่มีฉากและเนื้อหาเกี่ยวข้องกับแนวคิดเต๋าหรือปกรณัมจีน (Xianxia) 7 เรื่อง 7.29%
  6. แฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan) ซึ่งมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับแฟนตาซีผสมผสานกับความเป็นจีนโบราณ 6 เรื่อง 6.25%
  7. สืบสวน (Mystery) 6 เรื่อง 6.25%
  8. แฟนตาซี (Fantasy) ซึ่งเนื้อหาประเภทนี้จะเป็นแฟนตาซีสมัยใหม่ เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี เช่น เมตาเวิร์ส 3 เรื่อง 3.13%
  9. จอมยุทธ์ (Wuxia) เนื้อหาหลักจะเกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ 2 เรื่อง 2.08%
  10. ผจญภัย (Adventure) 2 เรื่อง 2.08% 
  11. แนวครอบครัว (Family) 1 เรื่อง 1.04% 
  12. ชนบท (Rural) 1 เรื่อง 1.04% 
  13. ย้อนยุค (Historical) อีกอย่างละ 1 เรื่อง 1.04% 

นอกจากนั้น เมื่อพิจารณาว่าซีรีส์จีนที่ฉายในประเทศไทยปี 2024 ทางแพลตฟอร์ม iQiyi และ WeTV และมีคำบรรยายใต้ภาพภาษาไทยอย่างเป็นทางการ 96 เรื่อง เป็นซีรีส์ที่ถูกฉายมาก่อนในแพลตฟอร์มแบบใดในประเทศจีน ก็จะพบว่ามาจากแพลตฟอร์มเอกชนได้แก่ iQIYI, Tencent Video และ Sohu TV รวมกัน 74 เรื่อง เช่น เรื่องเทพยุทธ์สะบั้นฟ้าท้าสวรรค์, สื่อรักปีศาจจิ้งจอกภาคจันทราสีชาด, สตรีกล้าท้าสงครามรัก, คะนึงรักหัวใจเพรียกหา, ห้วงฝันหวนคืน

และแพลตฟอร์มของรัฐบาลจีน ทั้งรัฐบาลกลางและท้องถิ่น เช่น CCTV-8 12, Beijing TV, Hunan TV รวมกัน 22 เรื่อง เช่น เธอผู้เปล่งประกายกว่าแสงดาว ทาง Hunan TV, สุดท้ายคือเธอ ทาง CCTV-8, ลมหนาวและสองเรา ทาง Dragon TV, เส้นทางวีรบุรุษ ทาง Beijing TV, ตำรวจหน้าใสหัวใจปู๊นปู๊น ทาง CCTV-8

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่า ซีรีส์ที่เข้ามาฉายในประเทศเป็นซีรีส์ประเภทจีนโบราณ (Costume Drama) มากที่สุด ตามมาด้วยแนวรักในเมือง (Metropolitan) และแนววัยรุ่น (Idol/Youth) ซีรีส์แนวจีนโบราณ มีโครงเรื่องหลักเป็นความรักระหว่างตัวละครหลักที่ดำเนินชีวิตประจำวันภายใต้ฉากที่เป็นจีนดั้งเดิม ทั้งเครื่องแต่งกาย สถานที่ วิถีชีวิต พร้อมกับถ่ายทอดวัฒนธรรมจีนที่มีอารยธรรมด้วย ขณะที่ซีรีส์แนวรักในเมืองบอกเล่าถึงชีวิตของหนุ่มสาวจีนที่มีฉากหลังเป็นเมือง (urban) ในยุคสมัยใหม่อาจทำให้ผู้ชมที่เป็นคนหนุ่มสาว ซึ่งเป็นผู้ชมกลุ่มใหญ่ของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งรู้สึกเชื่อมโยงกับกับตนเอง เช่นเดียวกับแนววัยรุ่นที่ตรงกับผู้ชมกลุ่มเป้าหมาย จุดขายสำคัญเป็นนักแสดงหลักที่เป็นดาราไอดอลที่อาจจะมีแฟนคลับของตนเอง โดยสองแนวแรกเป็นเนื้อหาที่คนไทยชอบมากที่สุด จากการสำรวจของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพื่อทำการตลาดในไทย ขณะที่ในประเทศจีน ซีรีส์ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเป็นแนวชีวิตในเมือง วัยรุ่น อาชีพ สืบสวนสอบสวน กำลังภายในและเรื่องรีเมคจากซีรีส์ต่างประเทศ

เมื่อสำรวจว่ามีเนื้อหาที่อ้างอิงมาจากประวัติศาสตร์จริงหรือไม่ โดยดูจากการระบุชื่อบุคคล หรือเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ สำหรับซีรีส์จีน 96 เรื่อง พบว่ามีเพียง 5 เรื่องเท่านั้น (5.21%) ที่มีเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์จริง เช่น ตำรวจหน้าใสหัวใจปู๊นปู๊น ซึ่งมีเนื้อหาในยุค 1970 บนรถไฟไอน้ำจากหนิงหยางไปยังฮาร์บินในช่วงเปิดประเทศ เรื่องเล่ห์จารชน มีเนื้อหาในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น โดยเป็นเรื่องราวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1939 – 1945 เรื่องคนกล้าล่าสมบัติ มีเนื้อหาในช่วงปลายราชวงศ์ชิงจนถึงต้นสาธารณรัฐ เล่าถึงการล่าสมบัติที่มีความเชื่อมโยงไปสู่การปฏิวัติซินไห่ในปี 1911 เรื่องฮาร์บิน 1944 ที่มีเหตุการณ์ในเมืองฮาร์บินภายใต้การปกครองของแมนจูในปี 1944 และเรื่องสมรภูมิแห่งศรัทธา กับภาพของเซี่ยงไฮ้ในทศวรรษ 1930

ในขณะที่อีก 91 เรื่อง (94.79%) เป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นทั้งหมด เช่น เรื่องจิ่วฉงจื่อ ที่ระบุว่าเป็นราชวงศ์สมมติ แต่ใช้เสื้อผ้ายุคราชวงศ์หมิง มีองค์ประกอบของราชวงศ์หมิง ได้ผนวกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์จริงเข้ามาในเนื้อเรื่อง อย่างการจำลองภาพของราชวงศ์หมิงตอนกลางถึงตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การค้าทางทะเลกับต่างชาติเฟื่องฟูมาก มีสินค้าส่งออกสำคัญอย่างชา และเครื่องเคลือบดินเผา ซึ่งนางเอกในเรื่องค้าขายสินค้าเหล่านี้ ความรุ่งเรืองนี้ได้นำมาซึ่งภัยคุกคามจากโจรสลัดญี่ปุ่น ที่คอยปล้นสะดมเรือสินค้าตามชายฝั่ง ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ที่ราชสำนักหมิงต้องเผชิญตามประวัติศาสตร์ ส่วนพระเอกก็เป็นแม่ทัพที่คอยปราบปรามโจรสลัดตามปัญหาชายฝั่ง  หรือเรื่องเนรมิตฝันแดนหย่งอัน ที่ระบุว่ามีเมืองหลวงชื่อหย่งอัน ในราชวงศ์สมมติ เรื่องขุมทรัพย์ลับแห่งทะเลทราย การตามหาสมบัติของจีนจากยุคราชวงศ์เซี่ยตะวันตก ดำเนินเรื่องตั้งแต่ปี 1943 จนถึงปัจจุบัน และแม้จะเล่าจนถึงปัจจุบัน แต่เมืองหลักของเรื่องก็ยังคงเป็นเมืองสมมติด้วย

ปรากฏการณ์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มีเบื้องหลังสำคัญคือกลไกการตรวจสอบเนื้อหา (Censorship) ที่เข้มงวดโดยหน่วยงานกำกับดูแลวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติของจีน (National Radio and Television Administration: NRTA) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมบันเทิง โดยมีข้อจำกัดสำคัญ เช่น ห้ามบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ ในทางที่อาจสร้างความเสื่อมเสีย และห้ามนำเสนอหรือส่งเสริมค่านิยมที่ขัดต่อแนวทางของพรรคคอมมิวนิสต์ กฎเกณฑ์เหล่านี้ทำให้การสร้างซีรีส์ที่อิงประวัติศาสตร์จริงมีความเสี่ยงและซับซ้อนสูง ดังนั้นในหลายเรื่องจึงออกแบบเครื่องแต่งกาย สถาปัตยกรรม และฉากต่างๆ ให้มีกลิ่นอายที่สามารถอ้างอิงถึงยุคสมัยจริงในประวัติศาสตร์ได้ เช่น ราชวงศ์ถังหรือราชวงศ์หมิง แต่จะประกาศอย่างชัดเจนว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องสมมติที่เกิดขึ้นในราชวงศ์สมมติเท่านั้น 

ช่องรัฐปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมือง ความยิ่งใหญ่ของจีนตรงไปตรงมา

จากซีรีส์จีนที่ฉายในประเทศไทย ปี 2024 ทางแพลตฟอร์ม iQIYI และ WeTV 96 เรื่อง เมื่อพิจารณาจากช่องทางออกอากาศดั้งเดิมในประเทศจีนพบว่ามาจากช่อง iQIYI มากที่สุด 38 เรื่อง อันดับ 2 Tencent 35 เรื่อง อันดับ 3 CCTV-8 12 เรื่อง อันดับ 4 Hunan TV และ Dragon TV 3 เรื่อง อันดับ 4 Beijing TV 2 เรื่อง และ CCTV-1, Jiangsu TV และ Sohu TV อย่างละ 1 เรื่อง ทั้งนี้ หากพิจารณาจากความเป็นเจ้าของพบว่า มีซีรีส์ที่ออกอากาศในช่องที่รัฐบาลเป็นเจ้าของ ได้แก่ CCTV-8 12 , CCTV-1, Dragon TV, Jiangsu TV, Beijing TV และ Hunan TV รวม 22 เรื่อง

ซีรีส์ที่จะออกอากาศผ่านสถานีวิทยุโทรทัศน์กลางแห่งประเทศจีน (CCTV) ได้นั้นจะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบมาตรฐานการผลิตและควบคุมบทอย่างเข้มงวด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานของภาครัฐ เช่นเดียวกับซีรีส์ที่ฉายผ่านช่องทีวีประจำมณฑลหรือภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็น Beijing TV, Dragon TV, Hunan TV ซีรีส์ที่ฉายก็จะถูกตรวจสอบเนื้อหาเช่นกัน ต่างจากซีรีส์ที่ฉายเฉพาะบนแพลตฟอร์มออนไลน์ในจีน เช่น iQIYI หรือ Tencent ที่อาจมีความยืดหยุ่นด้านเนื้อหามากกว่า

ซีรีส์ที่ออกอากาศทางช่องเอกชนทั้งหมด 74 เรื่อง มีสัดส่วนของซีรีส์ประเภทจีนโบราณและมีฉากหลังเป็นยุคสมมติมากที่สุด แต่มีฉากเนื้อหาเกี่ยวกับยุคสาธารณรัฐน้อยที่สุด เพียง 3 เรื่องจากซีรีส์จีนที่ออกอากาศในช่องของเอกชน คือ เหมันต์ใต้เงาจันทร์ คดีปริศนาเมืองเจียง และคนกล้าล่าสมบัติ ส่วนซีรีส์ที่มีเนื้อหายุคสาธารณรัฐที่เหลืออีก 5 เรื่องออกอากาศทางช่องของรัฐบาล

เมื่อพิจารณาการนำเสนอประเด็นอุดมการณ์ทางการเมืองในซีรีส์ยุคสาธารณรัฐ ซึ่งเป็นช่วงที่จีนเปลี่ยนแปลงการปกครอง (1912-1949) จะพบว่า ส่วนใหญ่นำเสนอเนื้อหาแนวรักชาติโดยเฉพาะพรรคคอมมิวนิสต์ แสดงให้เห็นถึงภาพลักษณ์ด้านลบของพรรคก๊กมินตั๋งในการบ่อนทำลายและความมั่นคงของชาติ ทั้งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเรื่องเส้นทางวีรบุรุษ และเล่ห์จารชน ซึ่งเป็นเรื่องราวของสายลับของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ปฏิบัติการต่อต้านญี่ปุ่นในช่วงปี 1941 ควบคู่ไปกับรักสามเส้าไปจนถึงยุคที่จีนรวมชาติได้แล้ว (บนแผ่นดินใหญ่) และในเรื่องคืนค่ำและยามอรุณ ที่ตัวละครหลักเป็นสายลับของพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งคอยปกป้องประเทศอยู่หลังฉาก ศัตรูสำคัญของซีรีส์ในยุคนี้ คือ พรรคก๊กมินตั๋ง และญี่ปุ่นที่มีบทบาทเป็นผู้รุกรานของจีน 

ส่วนเรื่องสมรภูมิแห่งศรัทธา เล่าเรื่องราวในเซี่ยงไฮ้ ช่วงทศวรรษ 1930 ในรัฐบาลก๊กมินตั๋ง ที่พระเอกเห็นการทุจริตในธนาคารกลางภายใต้รัฐบาลก๊กมินตั๋ง และมีนางเอกเป็นสายลับของพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนซีรีส์เรื่องคนกล้าท้าฝัน ที่ออกอากาศทางแพลตฟอร์มเอกชน iQIYI เล่าเรื่องราวการล่าสมบัติที่มีความเชื่อมโยงไปสู่การปฏิวัติซินไห่ในปี 1911 สอดแทรกอุดมการณ์ชาตินิยม ความพยายามทำลายการปกครองของชนชั้นศักดินา และมองชาติอื่นเป็นศัตรูคอยตักตวงผลประโยชน์จากจีน แต่เรื่องเหมันต์ใต้เงาจันทร์ และคดีปริศนาเมืองเจียง ออกอากาศทาง Tencent ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับอุดมการณ์ทางการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์หรือสายลับโดยตรง 

นอกจากซีรีส์ยุคสาธารณรัฐที่นำเสนอเนื้อหาปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองโดยตรงแล้ว ซีรีส์ที่ออกอากาศในช่องของรัฐบาลแนวอื่นๆ ก็สอดแทรกประเด็นอื่นๆ ที่รัฐบาลอาจจะต้องการสื่อสารด้วย เช่น ตำรวจหน้าใสหัวใจปู๊นปู๊น เสนอภาพคุณธรรมของตำรวจรถไฟ ออกอากาศทาง CCTV ซึ่งมีฉากหลังอยู่ในปี 1978 แสดงให้เห็นวิถีชีวิตของคนจีนซึ่งควบคู่ไปกับการพัฒนาชาติในยุคที่เติ้ง เสี่ยวผิง เพิ่งขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีและมีนโยบายปฏิรูปจีน ในเรื่องสอดแทรกวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนควบคู่ไปกับอุดมการณ์คอมมิวนิสต์

นอกจากเนื้อหาที่เป็นประเด็นอุดมการณ์ทางการเมืองแล้ว ยังมีซีรีส์ที่ใช้ซินเจียงและทิเบต ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่อ่อนไหวและเป็นพื้นที่ขัดแย้ง ที่ทำให้จีนถูกวิจารณ์ว่ารุกรานผู้ที่อยู่อาศัยเดิมและละเมิดสิทธิมนุษยชน กลายเป็นสถานที่ถ่ายทำของเรื่อง โดยถ่ายทอดให้เห็นภูมิทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม แปลกตา แต่ไม่กล่าวถึงประเด็นที่ขัดแย้ง เช่น สู่แดนฝันอาเล่อไท่ เป็นซีรีส์ยุคปัจจุบัน ออกอากาศทางช่อง CCTV เล่าถึงวิถีชีวิตของคนที่อยู่ในซินเจียงโดยตรง นางเอกที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวฮั่นมีความฝันจะเป็นนักเขียนกลับมาอยู่บ้านเกิด และได้พบกับพระเอก คนเลี้ยงม้าในคาซัคสถาน ซึ่งมีพื้นที่เชื่อมต่อกัน ถ่ายทอดทิวทัศน์ที่สวยงามของซินเจียง โดยไม่ได้มีการกล่าวถึงมิติอื่นๆ ที่อาจจะเป็นปมขัดแย้ง เช่น ชาวอุยกูร์ที่นับถือศาสนาอิสลาม ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับรางวัลแมกโนเลีย ครั้งที่ 30 ซึ่งจัดขึ้นในปี 2025 โดยได้รับรางวัลละครโทรทัศน์จีนยอดเยี่ยม ถ่ายภาพยอดเยี่ยม รวมไปถึงรางวัลการสื่อสารระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่รับรางวัลมากที่สุด เฉินเป่ากั๋ว วัย 69 ปี ประธานคณะกรรมการตัดสินรางวัลแมกโนเลียในครั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำว่าผลงานที่ได้รับรางวัลยืนยันว่าละครจีนที่ดีต้องไม่โชว์แค่ความเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่ต้องสะท้อนภาพลักษณ์ของจีนที่ดี ใส่ใจถึงบริบทในโลกยุคใหม่ เล่าเรื่องราวชีวิตประจำวันที่ดีของจีน และยังต้องรับใช้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมด้วย

ซีรีส์เรื่องนี้มีผู้ชมทั้งในจีนและต่างประเทศ 100 ล้านวิวในสัปดาห์แรกที่ออกฉาย หน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการท่องเที่ยวในเมืองอาเล่อไท่ ที่อยู่ในซินเจียง ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำให้ข้อมูลว่ามียอดจองที่พักเพิ่มขึ้น 370% ตั้งแต่ที่ซีรีส์ออกฉาย ซีรีส์เรื่องนี้ผลิตร่วมกันระหว่างสถานีของรัฐและแพลตฟอร์มวิดีโออย่าง iQIYI กลายเป็นรูปแบบทางธุรกิจใหม่ของทางการจีน ที่ร่วมมือกับท้องถิ่นในการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว โดยผู้บริหาร CCTV ส่งเสริมให้แพลตฟอร์มใช้อัลกอริทึมเพื่อโปรโมทซีรีส์ นอกจากนี้ แม้ว่าจะเน้นโปรโมทไปที่คนหนุ่มสาวเป็นหลัก และซีรีส์เรื่องนี้ยังถูกนำไปฉายในงานเทศกาลคานส์ซีรีส์ ทั้งยังเป็นซีรีส์จีนเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่เข้าชิงในสาขารางวัลซีรีส์ยอดเยี่ยมแห่งปี และออกอากาศในประเทศคาซัคสถาน รวมถึงการโฆษณาผ่านบัญชีของทางการซินเจียง ใน X ซึ่งถูกบล็อคในประเทศจีน ด้วยเนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษว่าเป็นซีรีส์ที่เสนอภาพเสรีภาพ สง่างาม และงดงามของภาคเหนือของซินเจียง

ทั้งนี้ฝ่ายสื่อสารของซินเจียงวางแผนงบประมาณ 308 ล้านหยวน หรือประมาณ 15 ล้านบาทสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการสื่อสารผ่านสื่อในปี 2024 เพิ่มขึ้นจากปี 2020 ถึง 27% การส่งเสริมการท่องเที่ยวและนำเสนอเรื่องราววิถีชีวิตและธรรมชาติในซีรีส์เป็นการทำให้ซินเจียง เป็นเหมือนกับเมืองอื่นๆ ในจีน โดยไม่กล่าวถึงประเด็นขัดแย้งอื่นๆ 

ส่วนซีรีส์ที่ออกอากาศทาง iQIYI เรื่องหิมะเจ็ดรัตติกาล รักไร้กาลเวลา เป็นเรื่องเกี่ยวกับเซียนมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะในซินเจียง และที่ออกอากาศทาง Tencent เรื่องบันทึกจอมโจรแห่งสุสาน ตอน ดอกไม้ทะเลทิเบต ที่เป็นเรื่องการผจญภัยในทิเบต ทั้งสองเรื่องเป็นแนวแฟนตาซี มีฉากหลังเป็นมณฑลซินเจียงและทิเบตก็มุ่งถ่ายทอดภาพความยิ่งใหญ่และสวยงามของธรรมชาติ และไม่มีการกล่าวถึงประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีซีรีส์แนวรักในเมืองใหญ่และวัยรุ่นที่ออกอากาศทาง CCTV อย่างน้อย 2 เรื่อง ที่สอดแทรกเหตุการณ์ที่จีนเห็นว่าสำคัญ เช่น ในเรื่องคลื่นลมแห่งฝัน ที่เป็นเรื่องวัยรุ่นตามหาความฝัน มีฉากที่ครอบครัวของเด็กๆ ฉลองเหตุการณ์ที่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนปี 1997 และความพยายามวางแผนเดินทางไปที่ฮ่องกง หรือเรื่อง กุหลาบร้อยรัก ที่มีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับความรักของหญิงสาวคนหนึ่ง มีตอนหนึ่งแทรกภาพบรรยากาศชาวจีนเฉลิมฉลองที่ประเทศได้รับคัดเลือกเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกปี 2008 ขณะที่เรื่องวัยกล้าท้าฝัน ที่แม้จะออกอากาศทาง Tencent และมีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักของวัยรุ่นก็นำเสนอชีวิตของแรงงานในโรงงาน เมืองชายฝั่งทะเลของจีนในช่วงปลายทศวรรษ 1990 ก็สอดแทรกประเด็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันระหว่างโรงงานกับพรรคคอมมิวนิสต์ เช่น ตอนหนึ่งผู้จัดการโรงงานกล่าวขอบคุณผู้บริหารพรรคที่แต่งตั้งเขาให้เป็นผู้จัดการ และกล่าวสุนทรพจน์ปลุกใจแรงงานว่า งานจะสำเร็จได้ เพราะการร่วมแรงร่วมใจของเหล่า “สหาย” ในสายพานการผลิต 

จะเห็นได้ว่า ซีรีส์ที่ออกอากาศทางแพลตฟอร์มของรัฐบาลจีนมีเนื้อหาที่บ่งบอกเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการเผยแพร่แนวคิดของรัฐ ซึ่งอาจจะสอดแทรกอย่างกลมกลืนหรือนำเสนออย่างตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ที่มีโครงเรื่องหลักเป็นประเภทใดก็ตาม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าซีรีส์ที่ออกอากาศทางช่องเอกชนจะปราศจากการนำเสนออุดมการณ์รัฐ ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างในเรื่อง วัยกล้าท้าฝัน ทั้งนี้หนึ่งในเกณฑ์ที่รัฐพิจารณาว่าจะให้ทุนสนับสนุนการสร้างซีรีส์เรื่องใด จะต้องบอกเล่าเรื่องราวของจีนได้เป็นอย่างดี

ซีรีส์แฟนตาซีอัตลักษณ์จีน สะท้อนอารยธรรมเก่าแก่

จากการแบ่งประเภทเนื้อหาซีรีส์จีนพบว่า ซีรีส์จีนนั้นมีละครพีเรียดที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยนอกจากซีรีส์จีนโบราณ ที่เป็นเรื่องราวความรักระหว่างตัวละครหลักซึ่งดำเนินชีวิตประจำวันภายใต้ฉากที่เป็นจีนย้อนยุค ทั้งเครื่องแต่งกาย สถานที่ วิถีชีวิต ยังมีซีรีส์ย้อนยุคที่มีลักษณะเฉพาะตัวอย่างแนวกำลังภายในหรือจอมยุทธ์ เทพเซียน ซึ่งปรากฏการแบ่งประเภทอยู่ในแพลตฟอร์มฉายซีรีส์จีน และเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปในกลุ่มผู้ชมซีรีส์จีน 

จากซีรีส์จีนในปี 2024 ทั้ง 96 เรื่อง มีซีรีส์ที่เป็นประเภทกำลังภายในหรือจอมยุทธ์ (Wuxia) เทพเซียน (Xianxia) และแฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan) รวม 15 เรื่อง คิดเป็นสัดส่วน 15.63% ประเภทละครนี้มีเอกลักษณ์โดดเด่น แตกต่างจากชาติอื่น พร้อมกับนำเสนอวัฒนธรรมประเพณีจีนโบราณลงไปด้วย

ซีรีส์แนวกำลังภายใน หรือจอมยุทธ์ (Wuxia) มาจากวรรณกรรมแนวแฟนตาซีของจีนที่ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นคริสตศตวรรษที่ 20 คำนี้มาจากนิยายกำลังภายในของจีนซึ่งคำว่า 武 หมายถึงการต่อสู้ ส่วน 俠 หมายถึงผู้กล้าหรือวีรบุรุษ ดังนั้น เนื้อหาหลักจะเกี่ยวข้องกับศิลปะการต่อสู้ และอุดมคติของการเป็นจอมยุทธ์จีนที่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น

ส่วนละครแนวเทพเซียน (Xianxia) เป็นซีรีส์แฟนตาซีที่มีฉากและเนื้อหาเกี่ยวข้องกับแนวคิดเต๋าหรือปกรณัมจีน ตัวละครมีอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหนือธรรมชาติ พยายามบรรลุความเป็นอมตะผ่านการฝึกฝนตนเองอย่างเข้มงวด มีการแข่งขันอย่างดุเดือดกับคู่แข่ง หรือมีการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ขณะที่แฟนตาซีตะวันออก (Xuanhuan) ซึ่งหมายถึง ความลึกลับและแฟนตาซี ถือเป็นแฟนตาซีที่มีลักษณะเฉพาะของจีน มักจะผสมผสานแฟนตาซี ศิลปะการต่อสู้ วีรบุรุษ โรแมนติก และแรงบันดาลใจเข้าไว้ด้วยกันเป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการเล่าเรื่อง ทั้งยังมีปรัชญาจีนดั้งเดิม เช่น เต๋า ร่วมด้วย คล้ายกับแนวเทพเซียน แต่แตกต่างจากแนวกำลังภายใน (Wuxia) และนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ตรงที่แฟนตาซีตะวันออกจะสร้างโลกจำลองมากกว่าจะเป็นช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในประวัติศาสตร์จีนจริง และมักผสมกับยุคสมัยใหม่ด้วย

ลักษณะร่วมกันของทั้งซีรีส์ทั้งสามประเภทนี้อยู่ที่ฉาก ที่มักเป็นทิวทัศน์ธรรมชาติ สถาปัตยกรรม อาคารบ้านเรือนย้อนยุค เครื่องแต่งกายที่อ้างอิงจีนดั้งเดิมของชาวฮั่น ผู้หญิงผู้ชายไว้ผมยาว ภาษาย้อนยุค ไปจนถึงการสอดแทรกคติหรือความเชื่อของจีน อาหาร ตลอดจนเครื่องดนตรี โดยพบมากในละครย้อนยุค เพื่อสะท้อนภาพวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของจีน

หลายเรื่องเป็นซีรีส์ที่สอดแทรกตำนานตามความเชื่อของจีนอยู่ด้วย เมื่อพิจารณาว่าซีรีส์ประเภทใดที่มีเทพเซียนอยู่ในเนื้อเรื่อง พบว่าไม่ใช่แค่ซีรีส์ประเภทเทพเซียนเท่านั้น แต่ตำนานเทพเซียนยังอยู่ในซีรีส์จีนโบราณ แฟนตาซีตะวันออก และจอมยุทธ์ ตัวอย่างเช่น เรื่องปฐพีไร้พ่าย ที่นางเอกเคยเป็นเทพมาก่อน กลับมาเกิดใหม่กลายเป็นหงส์ในโลกมนุษย์ ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากนิยายในชื่อเดียวกัน คือปฐพีไร้พ่าย (Accompanying the Phoenix) ตามตำนานจีนแล้ว นกฟีนิกซ์เพศเมียมีคุณสมบัติเป็นอมตะ สามารถฟื้นชีพจากความตายได้ หรือเรื่องห้วงฝันหวนคืน ที่เป็นแฟนตาซีตะวันออกเล่าถึงการผจญภัยของหน่วยปราบปีศาจที่อิงจากตำนานจีนโบราณอย่างซานไห่จิง คัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร รวมทั้งตำราโบราณอื่นๆ เช่น คัมภีร์พิธีกรรม (禮記) และเอกสารโบราณเกี่ยวกับกษัตริย์เจี้ยนปราบภัยแล้ง แม้แต่ตัวเอกในเรื่องก็อ้างอิงมาจากตัวละครในคัมภีร์ อาทิ ลิงจูเยี่ยน เทพธิดาไป๋เจ๋อ มังกรอิ้งหลง ต้นไหวในคัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร เช่นเดียวกับเรื่องห้วงคำนึงดวงใจนิรันดร์ ภาค 2 ที่อ้างอิงจากคัมภีร์ขุนเขามหาสมุทร ทั้งสถานที่อาศัยของเทพเจ้า สัตว์ร้าย ผู้คน และสิ่งมีชีวิตต่างๆ รวมถึงอ้างอิงตำราอื่นๆ ของจีนอย่างคัมภีร์กวีนิพนธ์ หรือบันทึกประวัติศาสตร์ซื่อหม่าเชียนด้วย ส่วนพิธีกรรมที่แทรกอยู่ในเรื่องที่เห็นชัดเจนคือ การแต่งงาน รวมทั้งงานศพ

คำสอนขงจื๊อและคำสอนอื่นๆ ตามจารีตเดิมที่แทรกอยู่ในซีรีส์จีนหลายเรื่องคือ บทบาททางเพศ ความกตัญญู และความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวอย่างเช่น หน้าที่ของผู้หญิงคือการดูแลบ้าน การมีความสามารถทัดเทียมกับบุรุษถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ตามแนวคิดที่ว่า “สตรีที่ไร้ความสามารถ คือสตรีที่มีจรรยา” (女子无才便是德) ซึ่งหมายถึงการที่สตรีไม่มีพรสวรรค์ (หรือความรู้ความสามารถ) ถือเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง คำกล่าวนี้เป็นค่านิยมที่หยั่งรากลึกในสังคมศักดินาของจีนโบราณซึ่งมีแนวคิดแบบปิตาธิปไตย ความหมายที่แท้จริงของประโยคนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงโง่คือคนดี แต่หมายถึงการไม่แสดงความรู้ความสามารถหรือพรสวรรค์ให้โดดเด่นเหนือกว่าบุรุษ และจำกัดบทบาทของตนเองอยู่เพียงเรื่องในบ้าน เช่น เรื่อง คะนึงรักหัวใจเพรียกหา ตัวละครหญิงที่ชื่อ เจียงซัวหลัว มีความรู้ความสามารถจนได้รับตำแหน่งเป็นราชบัณฑิตในสำนักศึกษาชาย แต่ในวันเข้ารับตำแหน่งยังโดนนินทาลับหลังว่า “สตรีไร้ความสามารถก็คือคุณธรรม สตรีจะเป็นราชบัณฑิตได้อย่างไร อีกสองปีก็แต่งงานมีลูกแล้ว สตรีก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ” นอกจากนี้ในเรื่องนี้ยังสะท้อนคติเกี่ยวกับการแต่งงานที่บุตรมีหน้าที่ต้องกตัญญูต่อบิดามารดาและบรรพบุรุษ ด้วยการมีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ด้วยเหตุนี้เองเจียงซัวหลัวจึงต้องแต่งงานตามคำสั่งของผู้ใหญ่ ภายใต้หลักการสมรสตามคำสั่งของผู้ใหญ่และผ่านการทาบทามของแม่สื่อ (父母之命,媒妁之言) ซึ่งในที่นี้คือองค์ฮองเฮา การแต่งงานของซัวหลัวจึงสะท้อนค่านิยมในยุคนั้นที่มองว่าการแต่งงานเป็นเพียงหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อความเหมาะสม

ภาพเรื่อง คะนึงรักหัวใจเพรียกหา จาก iQIYI
ภาพเรื่อง คะนึงรักหัวใจเพรียกหา จาก iQIYI

หรือความสัมพันธ์ในครอบครัวตามหลัก “สามคล้อยตามสี่คุณธรรม” (三从四德) ที่พบในเรื่องจิ่วฉงจื่อ ในฉากการโต้เถียงระหว่างลุงห้าและย่าชุย ที่ลุงห้า ซึ่งเป็นลูกชายของย่าชุยและพ่อของโต้วเจาต้องทำตามคำสั่งของตนเอง เขายกหลักการนี้ขึ้นมาอ้างว่า “สตรีต้องเชื่อฟังบิดา, เมื่อออกเรือนต้องเชื่อฟังสามี, และหากสามีตายต้องเชื่อฟังบุตรชาย” แต่เขาก็ถูกโต้เถียงจากแม่ด้วยคำสอนว่า หลักการเหล่านี้ไม่ใช่การเชื่อฟังอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่มีคำอธิบายกำกับอยู่ เช่น พ่อเป็นหลักของลูก (父为子纲) นั้นหมายความว่าบิดาต้องเป็นแบบอย่างที่ดี หากบิดาไร้ซึ่งคุณธรรม บุตรก็มีสิทธิที่จะไม่เชื่อฟัง

ภาพเรื่อง จิ่วฉงจื่อ จาก WeTV

ไม่เพียงแต่นำเสนอคำสอนหรือจารีตดั้งเดิม ในซีรีส์ยังมีมุมมองอื่นที่แตกต่างออกไปด้วย เช่น เรื่องคะนึงรักหัวใจเพรียกหา นางเอกตั้งคำถามต่อประเพณีที่กำหนดให้ผู้หญิงต้องแต่งงาน และเชื่อว่าตนเองมีสิทธิเลือกคู่ครองและตัดสินใจเรื่องการแต่งงานด้วยตนเอง ขณะเดียวกันในเรื่องนี้ยังมีผู้หญิงที่แต่งงานและหย่าร้างแล้ว ท้าทายค่านิยมที่ห้ามสตรีแต่งงานใหม่หลังจากสามีตายด้วยการเลือกสามีใหม่ให้มาแต่งเข้าบ้านตนเอง และให้ลูกสาวได้ใช้นามสกุลของแม่ ซึ่งนับว่าเป็นการท้าทายขนบประเพณีของสังคมในยุคนั้น

เครื่องแต่งกายในซีรีส์กำลังภายในหรือจอมยุทธ์ เทพเซียน หรือแฟนตาซีตะวันออก จะใช้ชุดจีนโบราณแบบชาวฮั่นที่ปกครองประเทศจีนมายาวนาน แต่อาจจะมีทั้งการอ้างอิงตามขนบเดิมหรือดัดแปลงเล็กน้อย โดยรวมจะเป็นเสื้อคลุมยาวที่มีแขนเสื้อหลวมและเข็มขัดที่เห็นที่เอว บนเสื้อผ้ามีการตกแต่งลวดลาย หรือมีผ้าคลุมไหล่ที่เรียกว่า อวิ๋นเจี่ยน โดยอาจจะมีรายละเอียดแตกต่างในราชวงศ์ต่างๆ เช่น ราชวงศ์ถัง ตัวละครชายในเรื่อง จะสวมเสื้อคลุมคอกลม (圓領袍) ที่ใส่ตั้งแต่จักรพรรดิจนถึงสามัญชน และยังได้รับความนิยมในหมู่ผู้หญิงอีกด้วย จนกลายเป็นแฟชั่นที่แพร่หลาย เสื้อของผู้ชายมักเป็นสีเรียบไม่มีลวดลาย ในขณะที่ของผู้หญิงจะมีสีสันสดใสและประดับด้วยลวดลายงดงาม เห็นได้จากเรื่อง #ตำนานแมวขาวแห่งศาลต้าหลี่ #ปริศนาลับราชวงศ์ถัง เสื้อผ้าของผู้หญิงในยุคนี้จะเป็นชุดที่เรียกว่า ชุดรู่ฉวิน ซึ่งประกอบด้วยเสื้อท่อนบน (รู่) และกระโปรง (ฉวิน) โดยสมัยถังผู้หญิงจะผูกกระโปรงไว้สูงเหนือหน้าอก ทำให้สามารถอวดเรือนร่าง แขน และหัวไหล่ได้ นอกจากนี้ผู้หญิงยังแต่งหน้าด้วยฮวาเตี้ยน (花钿) หรือสติ๊กเกอร์ประดับหน้าผากที่ทำจากแผ่นทอง กระดาษ หรือวัสดุอื่นๆ ตัดเป็นรูปดอกไม้แปะไว้กลางหน้าผาก เป็นต้น ซึ่งฮวาเตี้ยนก็ยังคงดัดแปลงและนำมาใช้ในละครจีนย้อนยุคอีกหลายเรื่อง อาทิ เรื่อง #ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าเฟิ่ง

นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอวัฒนธรรมจีนอื่นๆ อีกมากในซีรีส์จีน ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนออาหารจีนหลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปา แซนด์วิชหรือแฮมเบอร์เกอร์แบบจีน ที่เป็นแป้งประกบเนื้อสัตว์ บะหมี่เส้นแบน อย่างในเรื่องคะนึงรักหัวใจเพรียกหา หรือโจ๊กถั่วแดง เหล้าสำหรับผู้หญิง ในเรื่องตำนานเซียนกระบี่ ดนตรีนาฏศิลป์จีน การใช้ร่มกระดาษ ศิลปะการตัดกระดาษที่นำมาใช้เป็นเครื่องประดับบ้านในเทศกาลต่างๆ

จะเห็นได้ว่า แม้ธีมหลักของซีรีส์จีนทั้ง 4 ประเภทนี้จะเป็นความรักชาย-หญิง แต่การนำเสนอเรื่องราวภายใต้ฉากและบริบทที่ฉายภาพจีนยุคโบราณก็สามารถทำให้ผู้ชมรับรู้ถึงวัฒนธรรมของจีนในด้านต่างๆ ที่อยู่ในเรื่องด้วย ซึ่งในทางหนึ่งก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจีน ภูมิประเทศ สถาปัตยกรรม ไปจนถึงความลุ่มลึกทางวัฒนธรรม

สังคมจีนที่ทันสมัย รุ่งเรืองทัดเทียมโลก

จากซีรีส์จีนที่นำมาศึกษาทั้งหมด 96 เรื่อง มีซีรีส์ที่มีฉากหลังเป็นยุคปัจจุบัน 44 เรื่อง ซึ่งมีเนื้อหาแนวรักในเมืองมากที่สุด 20 เรื่อง รองลงมาเป็นวัยรุ่น 10 เรื่อง สอบสวน 6 เรื่อง แฟนตาซี 3 เรื่อง ผจญภัย 2 เรื่อง ชนบท แฟนตาซีตะวันออกและครอบครัวอย่างละ 1 เรื่อง

ในซีรีส์ที่เกี่ยวกับรักในเมืองเสนอภาพความทันสมัยของจีน โดยมากมักมีฉากหลังเป็นเมืองใหญ่สมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า เทคโนโลยีล้ำสมัย ความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและสังคมของจีนตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา โดยเฉพาะเซี่ยงไฮ้ที่ปรากฏอยู่ 7 เรื่องจาก 15 เรื่อง เช่น #สาวสตรองสองชีวิต #สามสายใยหนึ่งหัวใจ #ในวันที่รักผลิบาน ซึ่งฉายภาพเมืองที่ทันสมัย ภาพรถไฟความเร็วสูงวิ่งระหว่างเมืองที่สามารถเข้าถึงเมืองที่อยู่ห่างไกลได้ในเวลารวดเร็ว

เนื้อเรื่องของรักในเมืองส่วนใหญ่เป็นความรักของคนหนุ่มสาวที่ทำงานบริษัทในอาคารสำนักงานทันสมัย นักแสดงนำชายส่วนใหญ่เป็นประธานบริษัทหรือผู้บริหารบริษัทซึ่งพบ 5 เรื่อง จาก 15 เรื่อง เช่น #รักนี้ทีละสเตป พระเอกเป็นประธานบริษัทเกี่ยวกับงานออกแบบพื้นที่ ส่วนนางเอกเป็นลูกหลานของบริษัทคู่แข่ง และยังพบว่าตัวละครจำนวนหนึ่งในซีรีส์รักในเมืองทำงานเกี่ยวกับศิลปะและการออกแบบตามขนบตะวันตก เช่น ทำงานเป็นนักซื้อขายผลงานศิลปะในแกลอรี่ที่ทันสมัย ทำงานเป็นครูสอนบัลเลต์ ฉากในเรื่องหรือการพูดถึงการใช้เวลาในหอศิลป์หรือพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ตัวอย่างเช่น เรื่องวันธรรมดาที่มีเธอ ที่ตัวเอกเป็นนายหน้าขายงานศิลปะในแกลลอรี่ อาจสะท้อนให้เห็นถึงว่าชาวจีนในปัจจุบันมีรสนิยมที่เข้าใจศิลปะแบบตะวันตก ทัดเทียมกับโลกสากล โดยการทำงานอย่างหนักภายใต้บรรยากาศแข่งขันปรากฏอยู่ในเกือบทุกเรื่อง พร้อมกับการนำเสนอว่าเศรษฐกิจจีนยิ่งใหญ่กว่าชาติอื่น ขณะเดียวกันก็ไม่ตกขบวนกระแสโลกที่คนอายุน้อยเป็นเจ้าของกิจการ เช่น ในซีรีส์เรื่องห้วงประกายพร่างพรายรัก พระเอกเป็นประธานบริษัทสตาร์ทอัปธัญพืชหนุ่ม มีหุ้นส่วนเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน มีกิจกรรมส่งเสริมการตลาดไลฟ์ขายสินค้าทางออนไลน์

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนอาจแสดงออกผ่านซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ เช่น เรื่องอุบัติรักข้ามเมตาเวิร์ส ที่นางเอกเป็นนักออกแบบเกม เนื้อเรื่องเกี่ยวกับบริษัทเกมที่ใช้เทคโนโลยีเมตาเวิร์ส เช่นเดียวกับเรื่องดารารักนิรันดร์ ที่นางเอกได้หลุดเข้าไปในโลกเกมและมีเทคโนโลยีล้ำหน้าแบบเดียวกัน หรือเรื่องเธอพิเศษใส่ไข่ ก็เล่าเรื่องการสร้างหุ่นยนต์และมีพระเอกเป็นวิศวกรเอไอ

ซีรีส์จีนที่เป็นแนววัยรุ่นไม่เพียงถ่ายทอดชีวิตวัยรุ่นจีนในปัจจุบัน แต่ยังสะท้อนความคาดหวังของผู้ใหญ่ต่อคนรุ่นหลังด้วย เช่น #รักวัยใสในความทรงจำ ที่เล่าถึงชีวิตนักเรียนชั้นมัธยมปลายและบรรยากาศการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ดำเนินเรื่องในปี 2008 พร้อมทั้งแสดงให้เห็นทศวรรษแห่งความรุ่งเรืองของจีน มีทั้งสัญญาณ 3G ที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ งานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง 2008 และความกดดันของเยาวชนจีนที่ต้องเผชิญกับการสอบเกาเข่า ซึ่งคือการสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับชาติของจีน นอกจากนี้ซีรีส์วัยรุ่นยังมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับการเป็นนักกีฬา เช่น สเก็ตน้ำแข็ง สนุกเกอร์ วอลเลย์บอลชายหาด วิ่ง ซึ่งสอดแทรกการฝึกฝนกีฬาด้วยความมุ่งมั่น และการคว้าชัยชนะเพื่อประเทศชาติ เช่น กระซิบรักผ่านสายลม ที่เป็นความรักของนักกีฬาสเก็ตน้ำแข็งและการเป็นนักกีฬาทีมชาติ

ทั้งนี้เห็นได้ชัดว่า ซีรีส์แนวละครไอดอลที่ลักษณะเน้นเรื่องราวความรักใสๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียนมัธยมใช้นักแสดงรุ่นใหม่ที่หน้าตาดีและมีฐานแฟนคลับ พล็อตเรื่องไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เพื่อสร้างความรู้สึกผูกพันและทัศนคติเชิงบวกต่อวัฒนธรรมจีนร่วมสมัยในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยนำเสนอสังคมจีนในมุมที่สดใส ปลอดภัย และโรแมนติก รวมถึงส่งเสริมเรื่องวัยรุ่นมีชีวิตครั้งเดียว ควรกล้าหาโอกาส กล้าสู้ เช่น กระซิบรักผ่านสายลม ที่เล่าถึงชีวิตของนักกีฬาสเกตน้ำแข็งในการแข่งขันโอลิมปิก แม้จะเคยยอมแพ้ไป แต่สุดท้ายในตอนจบก็บรรยายว่าตัวเอกใช้ความเลือดร้อนของวัยรุ่นคว้าชัยชนะมาให้ประเทศชาติ

ในซีรีส์สืบสวนสอบสวนแสดงให้เห็นถึงปัญหาอาชญากรรมของจีน ควบคู่ไปกับความมีประสิทธิภาพในการปราบปรามของเจ้าหน้าที่ เช่น อัยการทีม 9 พิทักษ์เยาวชน เสนอมุมมองของกฎหมายและคดีจากเยาวชนในจีน ปัญหาการทำงานด้านกฎหมายในจีนที่มีอุปสรรค การสร้างความเชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดำเนินการทางกฎหมาย หรือ Frozen Surface ที่บอกเล่าปัญหาของอาชญากรรมในท้องถิ่นของจีน ความเด็ดขาดของตำรวจน้ำดี

สิ่งที่ปรากฏชัดเจนอีกประเด็นหนึ่งในซีรีส์จีนคือ การให้คุณค่ากับสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็งและความกตัญญู ส่วนใหญ่ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นจุดสำคัญของเรื่องไม่ว่าจะเป็นแนวใดก็ตาม โดยลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่ เวลาพ่อแม่เจ็บไข้ได้ป่วย ลูกมีหน้าที่ดูแลพ่อแม่ เช่น สาวสตรองสองชีวิต ซีรีส์แนวรักในเมืองใหญ่ ปมขัดแย้งหนึ่งของเรื่องก็คือการที่พ่อของแฟนหนุ่มที่ตั้งใจว่าจะไปทำงานที่เซี่ยงไฮ้ด้วยกันล้มป่วยลง นางเอกจึงตัดสินใจไปเซี่ยงไฮ้เพื่ออนาคตของตัวเอง ส่วนฝ่ายชายตัดสินใจว่าจะอยู่ดูแลพ่อ นางเอกถูกประณามว่าเห็นแก่ตัว อกตัญญู ทั้งนี้สำหรับสังคมจีนแล้วครอบครัวสำคัญมาก ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เน้นย้ำคุณค่าของครอบครัวและประเพณีหลายครั้ง ครอบครัวเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของชาติ ชาติคือครอบครัวหลายครอบครัวที่อยู่ร่วมกัน เราควรส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของครอบครัว สนับสนุนให้คนกตัญญูต่อครอบครัว หล่อเลี้ยงประเพณีดีงามของครอบครัว และดูแลผู้สูงอายุ แม่ควรจะทำให้ลูกตั้งใจเรียนเรียน มีจิตวิญญาณของการทำงานหนัก และรักบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อให้พวกเขาเป็นกำลังสำคัญของประเทศและประชาชน เราต้องช่วยให้ผู้หญิงมีสมดุลระหว่างครอบครัวและการทำงาน เพื่อให้เป็นผู้หญิงยุคใหม่ที่สามารถรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมกับดูแลครอบครัวได้

นอกจากนี้ระหว่างการนำเสนอชีวิตจีนสมัยใหม่ ในซีรีส์ยังมีเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ ที่ทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับรากฐานทางวัฒนธรรมของจีน เช่น ในสาวสตรองสองชีวิต มีประเพณีตามฤดูกาล ฤดูหนาว ต้มแกงจืดสมุนไพรและกินเกาลัดคั่ว, ฤดูใบไม้ผลิ เก็บดอกหอมหมื่นลี้ และวันไหว้พระจันทร์ ดื่มเหล้าดอกหอมหมื่นลี้พร้อมเล่านิทานฉางเอ๋อ หรือเรื่องวัยกล้าท้าฝัน ที่ฉายภาพเทศกาลโคมไฟ และเทศกาลไหว้พระจันทร์ ขณะเดียวกันยังพบเทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าเทศกาลตวนอู่ (端午节) รวมไปถึงเทศกาลแข่งเรือมังกรที่ปรากฏในเรื่องดารารักนิรันดร์ ไม่เพียงแต่แสดงถึงประเพณีเก่าแก่แต่ยังเป็นโอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ของตัวละครอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า ซีรีส์จีนที่มีเนื้อหาในยุคปัจจุบันแสดงให้เห็นถึงภาพของสังคมจีนที่ต้องการแสดงให้ผู้ชมเห็น ทั้งตึกรามบ้านช่องที่ทันสมัย เมืองที่มีผู้คนพลุกพล่าน ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน พร้อมกับคุณค่าที่จีนให้ความสำคัญไม่ว่าจะเป็น การทำงานหนัก ครอบครัว การทุ่มเทเพื่อประเทศชาติ ในขณะเดียวกันก็ยังแฝงวัฒนธรรมประเพณีจีนในซีรีส์อย่างแนบเนียน ไม่เพียงสะท้อนการผสานอย่างกลมกลืนระหว่างความทันสมัย แต่ยังทำให้ผู้ชมที่อยู่ต่างวัฒนธรรมรู้จักขนบธรรมเนียมจีนด้วย

งานในซีรีส์จีน: ชายเป็นประธานบริษัท-หญิงสู้ชีวิต 

เมื่อสำรวจบทบาททางเพศในซีรีส์จีนโดยพิจารณาผ่านงานของพระเอกและนางเอกพบว่า ซีรีส์ย้อนยุค พระเอกมักมีสถานะทางสังคมที่สูงส่ง และเกี่ยวข้องกับอำนาจด้วย พบมากที่สุดคือกลุ่มขุนนางและข้าราชการ จำนวน 17 เรื่อง คิดเป็น 17.71% หากเป็นซีรีส์ยุคปัจจุบัน (Modern) อาชีพของพระเอกมักจะเป็นแสดงออกถึงความสำเร็จและความมั่งคั่ง อาชีพที่พบมากที่สุดคือ ประธานบริษัท จำนวน 16 เรื่อง คิดเป็น 16.67% นอกจากนี้พระเอกยังมีอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการปกครองหรือการทหาร อาทิ เป็นเชื้อพระวงศ์ อ๋อง องค์ชาย บางครั้งก็เป็นขุนนางระดับสูง เป็นแม่ทัพ ตลอดจนเจ้าเมืองด้วย เช่น เจียงซินไป๋ พระเอกจากเรื่อง คะนึงรักหัวใจเพรียกหา มีฐานะเป็นจวิ้นอ๋อง (ลูกของอ๋องหญิง), สิงจื่อ พระเอกจาก ปฐพีไร้พ่าย มีฐานะเป็นเทพองค์สุดท้ายของสวรรค์, ชุยสิงโจวจากซ่อนรักชายาลับ มีฐานะเป็นอ๋อง, อู่เกิง พระเอกจาก เทพยุทธ์สะบั้นฟ้าท้าสวรรค์ มีฐานะเป็นองค์ชายเผ่ามนุษย์, ซ่งโม่ พระเอกจาก จิ่วฉงจื่อ เป็นแม่ทัพ, ซางอี้จือ พระเอกจาก สตรีกล้าท้าสงครามรัก, มีฐานะเป็นลูกชายขององค์หญิงใหญ่ (ต่อมาเป็นฮ่องเต้), เสิ่นจือเหิง พระเอกจากเหมันต์ใต้เงาจันทร์ เป็นประธานสำนักพิมพ์และหนังสือพิมพ์

อย่างไรก็ตาม หากสำรวจด้วยประเภทของละคร จะพบว่าอาชีพของพระเอกถูกกำหนดโดยขนบของแนวเรื่อง กล่าวคือ หากเป็นกลุ่มละครแนวย้อนยุคหรือกำลังภายใน อาชีพของพระเอกจะผูกติดกับอำนาจการปกครองและการทหาร เช่น ขุนนาง อ๋อง แม่ทัพ และมีสถานะสูงในสังคม เช่น จอมยุทธ์ หากเป็นกลุ่มละครรักในเมือง และละครโรแมนติก อาชีพของพระเอกก็สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในโลกปัจจุบันด้วยตำแหน่งประธานบริษัท มีพระเอกที่เป็นนักธุรกิจผู้บริหาร และทำการค้า รวม 16 เรื่อง 

สำหรับซีรีส์เฉพาะทาง พระเอกมีงานที่มีบทบาทสำคัญของเรื่องนั้น เช่น ในซีรีส์สืบสวน ก็มักจะเป็นตำรวจ นักสืบ พบอาชีพกลุ่มทหาร ตำรวจ และผู้รักษากฎหมาย 16 เรื่อง (16.67%) นักเรียนและนักศึกษาในละครวัยรุ่น 6 เรื่อง 6.25% อย่างไรก็ตาม ยังพบอาชีพที่น่าสนใจจากพระเอกอีกบ้าง เช่น คนเคาะยาม ในแนวย้อนยุค จากเรื่องผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าเฟิ่ง, ข้าราชการนักแต่งหน้าศพ จากเรื่องในวันที่รักผลิบาน, ตำรวจรถไฟ จากเรื่องตำรวจหน้าใสหัวใจปู๊นปู๊น

นอกจากงานแล้ว รูปร่างหน้าตาของพระเอกในซีรีส์ย้อนยุคและปัจจุบัน มักเป็นชายผิวขาว ใบหน้าเล็กเกลี้ยงเกลา ไม่มีหนวดเครา รูปร่างผอมบางโดยเฉพาะซีรีส์ที่มีตัวเอกเป็นจอมยุทธ์หรือมีพลังวิเศษ ทั้งในเรื่องเซียนกระบี่พิชิตมาร 4, หิมะเจ็ดรัตติกาลรักไร้กาลเวลา และเทพบุตรจุติมารัก ที่แม้จะคงการไว้ผมยาวไว้ตามความงามแบบขงจื๊อที่เห็นว่า “ร่างกายของเรา อวัยวะต่างๆ ผิวหนัง และขน หรือผมต่างก็มาจากบิดามารดามอบให้ไม่ควรทำลายหรือทำให้เสียหาย” (身体发肤,受之父母,不敢毁伤,孝之始也) ซึ่งนับเป็นขั้นแรกของความกตัญญู แต่ก็ไม่ไว้หนวดเครา เพื่อให้สอดคล้องกับพิมพ์นิยมในปัจจุบัน

เมื่อสำรวจนางเอกในซีรีส์จีน งานที่พบมากที่สุดคือเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหาร และการค้า จำนวน 16 เรื่อง คิดเป็น 16.67% ซึ่งกลุ่มนี้ก็สะท้อนถึงการสร้างเนื้อสร้างตัว ใช้ความสามารถในดูแลตัวเอง เช่น ซ่อนรักชายาลับ จิ่วฉงจื่อ รองลงมา คือสถานะพิเศษ เช่น จอมยุทธ์หญิง เซียน เทพ ปีศาจ จำนวน 16 เรื่อง คิดเป็น 16.67% ตามมาด้วย ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เช่น นักกีฬา นักแสดง นักออกแบบ 13 เรื่อง คิดเป็น 13.54% ต่อมาอาชีพตำรวจ นักสืบ สายลับ ฉายภาพผู้หญิงที่เข้มแข็ง มี 13 เรื่อง (13.54%) เช่น ฮาร์บิน1944, ข้ามเวลาท้าคดีเดือด อาชีพพนักงานบริษัท 8 เรื่อง (8.33%) เช่น สาวสตรองสองชีวิต กลุ่มอาชีพขุนนาง ธิดาขุนนาง ข้าราชการ จำนวน 7 เรื่อง (7.29%) เช่น ดารารักนิรันดร์ อาชีพนักเรียนนักศึกษา 7 เรื่อง (7.29%) ซึ่งพบในซีรีส์แนววัยรุ่นที่เน้นการเติบโตของตัวเอก เช่น คลื่นลมแห่งฝัน ส่วนอาชีพแพทย์ มี 6 เรื่อง (6.25%) เช่น คืนค่ำและยามอรุณ, เธอคือเพลงรักฤดูหนาว

น่าสังเกตว่าในละครย้อนยุค มักมีนางเอกหรือผู้หญิงในเรื่องที่แหวกขนบซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ฉลาดเฉลียวพึ่งพาตัวเองได้ ส่วนกลุ่มละครรักในเมืองก็จะพบนางเอกที่เก่งและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตั้งแต่นักออกแบบ ทนาย วิสัญญีแพทย์ โปรดิวเซอร์ ไปจนถึง ผอ.สำนักงานบริหารสินเชื่อ ในซีรีส์จีนร่วมสมัยยังสอดแทรกนโยบายของรัฐบาลจีนด้วย เช่น นโยบายสนับสนุนให้มีลูกคนที่ 2 ที่เริ่มในปี 2016 ในเรื่องสาวสตรองสองชีวิต

ภายใต้โครงเรื่องความรักระหว่างชายหญิงในเมืองใหญ่ นางเอกในซีรีส์จีนต้องทำงานด้วยความฝ่าฟันเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยความสามารถของตัวเอง หรือมีทักษะเฉพาะทางบางอย่าง ที่ต้องใช้ความรู้ เพื่อเอาชนะอุปสรรค อย่างไรก็ตามยังคงต้องปะทะกับความคิดที่ว่า ผู้หญิงต้องแต่งงาน ดูแลสามี ลูกและครอบครัว ทั้งในเรื่อง สุดท้ายคือเธอ, สามสายใยหนึ่งหัวใจ และ หัวใจไร้พันธนาการ

ทั้งนี้น่าสนใจว่า ซีรีส์จีนที่ฉายในปี 2024 มีตัวละครที่เป็นเพศชาย-หญิง เท่านั้น ไม่ปรากฏ LQBTQ ในเรื่องใดเลย

ทั้งหมดนี้ก็ทำให้เห็นว่าบทบาทของนางเอกในซีรีส์ ถูกพัฒนาไปไกลกว่าการเป็นแค่คนรักของพระเอก แต่มีอาชีพ มีทักษะบางอย่างที่ใช้ความสามารถในการดูแลตัวเอง ซึ่งก็สอดคล้องต่อค่านิยมในสมัยใหม่ด้วย

ภาพลักษณ์ผู้หญิงในซีรีส์จีน จากแม่ศรีเรือน สู่เวิร์กกิ้งวูเมน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับวิวัฒนาการภาพลักษณ์ของตัวละครหญิงในซีรีส์จีน ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากขนบเดิมที่มีสถานะเป็นเพียงช้างเท้าหลัง ไปสู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่สะท้อนความเป็นอิสระและพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น จนเกิดเป็นคำเรียกซีรีส์ประเภทนี้ว่า “ซีรีส์แนวผู้หญิง” (她剧集/女性题材剧) ซึ่งมีผู้หญิงเป็นศูนย์กลางของเรื่อง

ปรากฏการณ์นี้ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดเรื่องพลังหญิง (Women’s empowerment) ที่ส่งผลให้ผู้หญิงมีอำนาจมากขึ้น ภาพลักษณ์ของผู้หญิงในซีรีส์จึงเริ่มมีลักษณะของการพึ่งพาตนเอง มีงานที่ดีทำ มีอิสระ มีอำนาจในการตัดสินใจในชีวิตตนเอง ประกอบกับแนวคิดเรื่อง เศรษฐกิจพลังหญิง (She-economy) หรือภาษาจีนเรียกว่า 她经济 ซึ่งเป็นคำศัพท์ใหม่ที่กระทรวงศึกษาธิการจีนได้ให้การรองรับและบัญญัติเป็นคำใหม่ ที่หมายถึงเศรษฐกิจที่เกิดจากการบริโภคของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง สินค้าแม่และเด็ก ของใช้ในบ้าน ด้วยกระแสนี้ทำให้ซีรีส์ที่มีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้หญิง ปรับเปลี่ยนเนื้อหาไปในทิศทางดังกล่าว 

นอกจากนี้ เดิมทีซีรีส์ที่มีผู้หญิงเป็นศูนย์กลางจะเสนอภาพการต่อสู้เดี่ยวๆ ของตัวละครหญิง แต่ปัจจุบันพัฒนามาเป็นการต่อสู้แบบกลุ่ม สร้างความรู้สึกร่วมว่าผู้หญิงต่างกำลังเผชิญหน้ากับเรื่องเดียวกัน ดังจะเห็นได้จากซีรีส์ที่ฉายในประเทศจีนและมีบางเรื่องที่ฉายในประเทศไทยด้วย อย่างเรื่อง Nothing But Thirty ที่เล่าเรื่องผู้หญิงในเมืองที่เผชิญกับแรงกดดันอย่างมากในวัย 30 ปี โดยเล่าจากผู้หญิง 3 คน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกแล้ว ผู้หญิงที่แต่งงานแล้วแต่ยังไม่มีลูก รวมไปถึงผู้หญิงที่ยังไม่แต่งงาน การเล่าแบบนี้ทำให้เห็นมุมมองของผู้หญิงหลากหลายแบบในสังคมว่าต้องเผชิญกับปัญหาใดบ้าง ในโครงเรื่องที่คล้ายกันยังมีละครเรื่อง Lady’s Character ที่เล่าถึงผู้หญิง 3 คน ที่ต่างฝ่ายต่างแสวงหาคุณค่าส่วนตัว พัฒนาอาชีพ และความสุขในครอบครัว มีสถานะทั้งแต่งงานแล้วหย่า แต่งงานแล้วยังไม่มีลูก และแต่งงานแล้วมีลูก รวมไปถึงอาชีพอย่างการเป็นพนักงานระดับล่าง ผู้บริหารระดับกลาง และเจ้าของกิจการ นอกจากนี้ยังมีเรื่อง For the First Time in My Life เรื่อง Viva Femina เรื่อง A Dream of Splendor เรื่อง Ode to Joy ซึ่งเล่าเรื่องผู้หญิงหลากหลายรูปแบบ

หรือการเจาะลึกเฉพาะตัวละครหญิงเดี่ยวๆ อย่าง The Story of Xing Fu เน้นการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของตัวละครหญิงชื่อ ซิ่งฟู ซึ่งมีความหมายว่าความสุข เธอเป็นหญิงชนบทที่ต้องเผชิญบททดสอบหลายด้าน ทั้งอาชีพ การแต่งงาน และความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวละครเหอซิ่งฝูกล้าที่จะปฏิเสธการที่ต้องประพฤติตัวสงบเสงี่ยม และต่อสู้เพื่อสิทธิที่ชอบธรรม จนท้ายที่สุดก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำคนใหม่ของหมู่บ้านด้วยสติปัญญาของตัวเอง ไม่พึ่งพาความช่วยเหลือจากพระเอก 

จะเห็นว่าจากเดิมภาพลักษณ์ของผู้หญิงในละครมักถูกสร้างโดยมีผู้ชายเป็นศูนย์กลาง ผู้หญิงมีบทบาทแค่เพียงแม่ หรือภรรยาในเรื่อง แต่ในละครจีนแบบใหม่ให้พื้นที่ของตัวละครหญิง ได้สำรวจเส้นทางของตัวเอง มีตัวเลือกในชีวิต แสวงหาคุณค่าทั้งด้านอาชีพและความรัก 

เมื่อสำรวจจากซีรีส์หลากหลายประเภทในปี 2024 ที่ฉายผ่าน WeTV และ iQIYI ในไทย พบซีรีส์ที่มีลักษณะข้างต้นเช่นกัน โดยซีรีส์แนวรักในเมือง (Metropolitan) อย่างเรื่องเธอผู้เปล่งประกายกว่าแสงดาว ตัวละครจี้ซิง เป็นผู้หญิงที่เก่งด้านเทคโนโลยี ที่ลาออกจากงานประจำเพื่อไล่ตามความฝันในการเป็นผู้ประกอบการ ท้าทายกับแนวคิดที่ว่าผู้หญิงควรมีอาชีพที่มั่นคงและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังสะท้อนการต่อสู้กับความคิดดั้งเดิมผ่านความสัมพันธ์ของตัวละคร โดยนางเอกยอมสละเงินดาวน์บ้านเพื่อนำมาลงทุนทำธุรกิจ ทำให้ความสัมพันธ์กับแฟนที่คบมานานต้องจบลง เพราะทั้งคู่มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกัน โดยแฟนของเธอต้องการชีวิตที่มั่นคง แต่จี้ซิงให้ความสำคัญกับคุณค่าในชีวิตของตัวเองมากกว่า ท้ายที่สุดจี้ซิงประสบความสำเร็จในการสร้างบริษัทสตาร์ทอัป ทั้งยังพบความรักกับพระเอกในเวลาต่อมา มีชีวิตแต่งงานที่สงบสุข สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าจี้ซิงยังคงได้รับรางวัลแบบดั้งเดิม คือการแต่งงาน หลังจากได้พิสูจน์ตัวเองทั้งในด้านส่วนตัวและอาชีพ ภาพของจี้ซิงจากเรื่องเธอผู้เปล่งประกายกว่าแสดงดาวจึงเป็นผู้หญิงสมัยใหม่ ที่เลือกความสมดุลให้ชีวิต ไม่ได้ตามหาแค่ความรักจากผู้ชายแต่ต้องเติมเต็มตนเองได้ด้วย

ในประเภทละครแนวครอบครัว เรื่องหากชีวิตคือการวิ่ง ตัวละครเฉิงอันซินเป็นครูสอนเต้นรำที่มีความมุ่งมั่นในชีวิตการงาน มีระเบียบวินัย แต่ต่อมาเธอประสบอุบัติเหตุและสูญเสียขา จึงต้องเผชิญกับความสิ้นหวังในชีวิต เฉิงอันซินร้องไห้ไม่หยุดเมื่อต้องนั่งรถเข็น ไม่มั่นใจในตัวเอง ที่สำคัญตัวละครนี้แต่งงานและมีสามีแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับความพิการทางกาย จึงต้องหย่าร้างกับสามีที่ไม่สามารถทนกับอารมณ์รุนแรงของเธอในช่วงฟื้นตัวได้ อีกทั้งสามียังนอกใจไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อันซินเลือกคือหย่าร้าง และขอเพียงแค่แบ่งทรัพย์สินเท่ากัน ไม่ยึดติดกับชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลวหรือเรียกร้องผลประโยชน์เพิ่มเติม ในตอนท้ายเรื่อง อันซินก้าวพ้นจากความสิ้นหวังในชีวิต กลับมาเต้นรำได้อีกครั้งด้วยการใส่ขาเทียม เอาชนะความไม่มั่นใจในตนเอง ในแง่ของการท้าทายขนบ จะเห็นว่าการหย่าร้างของเธอกับฉินเฟิง ซึ่งเกิดจากการที่เขานอกใจเนื่องจากความพิการและการไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เป็นการปฏิเสธการแต่งงานที่ล้มเหลว ส่งเสริมการเคารพตนเองและแนวคิดที่ว่าคุณค่าของผู้หญิงไม่ได้ผูกติดกับสถานะการสมรสหรือความสามารถในการมีบุตร

ในละครจีนโบราณ (Costume Drama) เรื่องสตรีกล้าท้าสงครามรัก ตัวละครอาม่าย นางเอกปลอมตัวเป็นชายเข้าร่วมทัพเพื่อล้างแค้น จุดเริ่มต้นในกองทัพของอาม่ายเริ่มจากการเป็นทหารเดินเท้าในกองทัพ และค่อยๆ สร้างผลงาน จนได้เป็นผู้คุมและจอมทัพในที่สุด ซึ่งท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมที่จำกัดผู้หญิงอยู่แต่ในบ้าน นอกจากนี้อาม่ายยังละทิ้งความรู้สึกส่วนตัวและความรักฉันท์หนุ่มสาวเพื่อมุ่งมั่นกับการปกป้องแผ่นดิน ทำหน้าที่ของจอมทัพอย่างเต็มที่ ทั้งยังเลือกที่จะละทิ้งบรรดาศักดิ์ที่พระเอกจะมอบให้ เพื่อกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและเป็นอิสระ ซึ่งแตกต่างจากละครจีนโบราณหลายเรื่องที่ตัวละครหญิงเดินเรื่อง และมักจะเน้นไปที่ความรักเป็นหลัก 

ในเรื่องห้วงคำนึง ดวงใจนิรันดร์ ภาค 2 ซึ่งดำเนินเรื่องด้วยตัวละครหญิงอย่างเสี่ยวเยา เธอต้องต่อสู้กับขนบธรรมเนียมในหลายมิติ ตั้งแต่ปลอมตัวเป็นชายเพื่อเอาชีวิตรอดและใช้ชีวิตในฐานะหมอ แสดงให้เห็นถึงความสามารถด้านสติปัญญาและความสุขุมในการแก้ปัญหา ซึ่งสะท้อนภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่ไม่ใช่อารมณ์ในการแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเธอกับตัวละครชาย ยังสะท้อนการท้าทายบทบาทของผู้หญิงยุคโบราณที่ต้องพึ่งพาผู้ชายและถูกจำกัดอยู่แต่ในบ้าน อาทิ การมีส่วนสนับสนุนลูกพี่ลูกน้องในการขึ้นครองราชย์ การปฏิเสธความรักกับตัวละครที่มีคู่หมั้นอยู่แล้ว การปฏิเสธการแต่งงานแบบคลุมถุงชน สละตำแหน่งในราชวงศ์เพื่อความสุขของตัวเองกับคนรัก ซึ่งถือเป็นการท้าทายแนวคิดดั้งเดิมที่ผู้หญิงมักถูกคาดหวังให้แต่งงานกับผู้มีอำนาจเพื่อยกระดับฐานะ

ในซีรีส์แนวเทพเซียน (Xianxia) ปฐพีไร้พ่าย ตัวละครนางเอก เสิ่นหลี มีฐานะเป็นเทพสงครามอันดับหนึ่งในสามภพ มีฐานะเป็นอ๋องหญิงแห่งแดนวิญญาณผู้ถือกำเนิดพร้อมไข่มุกศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักมีสถานะรองลงมาหรือเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ทั้งนี้เสิ่นหลีแม้จะเป็นผู้หญิงร่างบอบบาง แต่มีบุคลิกอาจหาญ เยือกเย็น สง่างาม เด็กขาดและตรงไปตรงมา สามารถปราบปีศาจชั่วร้ายได้ด้วยตัวเอง จากการให้ภาพว่าเสิ่นหลีทะลวงท้องปีศาจออกมาได้ด้วยหอก และสามารถอดทนต่อความทรมานอย่างแสนสาหัสจากการถูกตอกตะปูโดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย ในการต่อสู้กับขนบธรรมเนียมจะเห็นว่าเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเทพเซียนก็ยังหนีการแต่งงานไม่พ้น ในเรื่องจะเห็นว่าเสิ่นหลีถูกจับแต่งงานแบบคลุมถุงชน แต่เธอหลบหนีการแต่งงาน ทั้งยังประณามคู่หมั้นอย่างฟู่หรงจวินว่าเป็นเทพที่ไม่ได้เรื่อง และดูถูกการแต่งงานทางการเมืองนี้อย่างมาก เสิ่นหลียืนยันว่าการยกเลิกการหมั้นหมายขึ้นอยู่กับเธอเท่านั้น การกระทำเหล่านี้เป็นการยืนยันอำนาจของตนเอง และเมื่อเสิ่นหลีมีความรักให้สิงจื่อ เธอก็แสดงออกถึงความรักและความปรารถนาอย่างเต็มที่ ซึ่งขัดกับภาพลักษณ์ผู้หญิงในอดีตที่มักต้องเก็บงำความรู้สึก โดยเสิ่นหลีระบุว่าตนเพียงแค่ทำในสิ่งที่อยากทำมานานแล้วและไม่เสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง ในตอนท้ายเรื่องเสิ่นหลีได้รับความรักที่แท้จริงและมั่นคงเป็นรางวัล ได้รับการยอมรับและยกย่องจากทั้งสามภพ 

จากตัวอย่างซีรีส์ที่ได้กล่าวมา จะเห็นว่าซีรีส์จีนยุคใหม่พยายามนำเสนอภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่แข็งแกร่งและก้าวข้ามขนบดั้งเดิม พวกเธอไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในบ้านหรือเป็นเพียงส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้ชายอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็น ผู้นำที่กล้าตัดสินใจกำหนดชะตาชีวิตของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาชีพ ความรัก หรือแม้แต่การปกป้องแผ่นดิน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้สอดคล้องกับแนวคิดเศรษฐกิจแบบ She-economy ที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน

การที่ซีรีส์จีนสร้างตัวละครหญิงที่พึ่งพาตนเองและมีทักษะเฉพาะทาง แต่ยังสะท้อนความต้องการที่แท้จริงของเศรษฐกิจจีนในปัจจุบัน ที่กำลังเผชิญปัญหาจากอัตราการเกิดใหม่ที่ลดลง และการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในหมู่คนหนุ่มสาว โดย สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ระบุว่า อัตราการว่างงานของประชากรวัย 16-24 ปีในเขตเมือง (ไม่รวมนักเรียนนักศึกษา) เพิ่มขึ้นเป็น 16.9% จาก 16.1% ในเดือนมกราคม ขณะที่อัตราการว่างงานของประชากรวัย 25-29 ปีเพิ่มขึ้นเป็น 7.3% จาก 6.9% และกลุ่มวัย 30-59 ปี เพิ่มขึ้นเป็น 4.3% จาก 4.0%  

ดังนั้นการนำเสนอภาพลักษณ์ใหม่ของผู้หญิงจีนในซีรีส์ จึงไม่ได้เป็นแค่การสนับสนุนแนวความคิดพลังหญิง หรือการพยายามจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ผู้หญิงจีนในอดีตที่เป็นเพียงช้างเท้าหลัง หรือมีสถานะที่เป็นเพียงแม่และเมียที่อยู่แต่ในบ้านเท่านั้น แต่พยายามจะเสนอภาพว่า ผู้หญิงก็สามารถกลายมาเป็นอีกหนึ่งทรัพยากรมนุษย์ในฐานะฟันเฟืองของระบบเศรษฐกิจได้ เพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศจีนที่กำลังถดถอย จะเห็นได้ว่าแนวความคิดในซีรีส์จีนนั้นผูกพันกับเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างแนบแน่น 

ข้ามกำแพงเมืองจีนเข้ามาแล้ว (ถูกทำให้) ปีนออกยาก

ไทยเป็นผู้บริโภคหลักของผู้ใช้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจากจีน ปัจจุบันผู้ให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์จากจีนครองส่วนแบ่งตลาดราว 40% ในประเทศไทย แซงหน้าแพลตฟอร์มจากสหรัฐอเมริกา ที่อยู่ราว 30% โดยมี iQIYI และ WeTV ของ Tencent เป็นกำลังหลัก กระแสความนิยมซีรีส์ทำให้เกิดกิจกรรมอื่นๆ ตามมาอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยวจีน อาหารและการแต่งกาย ตัวอย่างเช่น ซีรีส์เรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมารที่ออกอากาศทาง WeTV เมื่อปี 2019 ซึ่งเป็นเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์ความนิยมซีรีส์จีนในไทย นำไปสู่การจัดแฟนมีตติ้งนักแสดงนำ การท่องเที่ยวตามรอยสถานที่ถ่ายทำในประเทศจีน เกิดการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายจีนโบราณ เพลง และวัฒนธรรมต่างๆ ในโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงการเรียนภาษาจีน รูปร่างหน้าตาและบุคลิกของนักแสดงสร้างภาพเชิงบวกต่อวัฒนธรรมจีน สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับซีรีส์จีนเรื่องอื่นๆ ด้วย

ความนิยมของซีรีส์จีนไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์เท่านั้น แต่ยังส่งผลให้สถานีโทรทัศน์ฟรีทีวียังนำไปอยู่ในผังรายการของตัวเองด้วย เช่น ช่อง MCOT ฉายเรื่อง ปรมาจารย์ลัทธิมาร ช่อง 3 ฉายเรื่อง สามชาติสามภพป่าท้อสิบหลี่ ช่อง 7 ฉายเรื่อง ดาบพิฆาตกลางหิมะ ช่อง One ฉายเรื่อง เจินหวน จอมนางคู่แผ่นดิน หรือช่องโมโน ที่เพิ่มรายการซีรีส์จีนลงในผังรายการปกติหลายเรื่อง รวมทั้งการร่วมมือกันระหว่างแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งจีนกับสถานีโทรทัศน์ไทยที่นำคอนเทนต์ไทยไปฉายผ่านแพลตฟอร์มด้วย เช่น ช่อง 3 นำละครไทยฉายผ่าน WeTV เพื่อขยายฐานผู้ชมละครไทย หรือการผลิตคอนเทนต์ออริจินัลกับผู้ผลิตไทย เช่น WeTV ร่วมมือกับบริษัท BeOnCloud ผลิตซีรีย์เรื่อง Shine ซึ่งเป็นกลยุทธ์แลกเปลี่ยนระหว่างกันสร้างผลประโยชน์ร่วมระหว่างอุตสาหกรรมจีนและไทย

ที่ผ่านมามีความพยายามศึกษาว่า การชมซีรีส์จีนมีผลต่อการรับรู้เกี่ยวกับจีนมากน้อยเพียงใด ในวิทยานิพนธ์เรื่อง อุดมการณ์ความเป็นชาติจีนที่ปรากฏในซีรีส์จีนย้อนยุค: กรณีศึกษา ผู้บริโภคซีรีส์จีนในไทย ของ ธนาภา รัตนวรรณ ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของผู้ชมซีรีส์จีนย้อนยุค 43 คนพบว่า ได้รับคำตอบหลากหลาย ทั้งไม่เปลี่ยนแปลงความคิดเห็นต่อจีน หรือเข้าใจและชอบสังคมจีนมากขึ้นต้องการไปเที่ยว บริโภคสินค้า และศึกษาภาษาวัฒนธรรมจีน ในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันที่ 21 กับ 22 คน

ก่อนหน้านี้ รายงานการวิจัย เรื่อง การตอบรับซีรีส์โทรทัศน์กับการเปลี่ยนแปลงด้านวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-จีนในสังคมไทยร่วมสมัย โดย ฐณยศ โล่ห์พัฒนานนท์ ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลในปี 2018-2021 มีข้อสังเกตว่า ซีรีส์จีนสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ผู้ชมซีรีส์จีนมีมุมมองใหม่ส่งผลต่อภาพจำ โดยมองว่าจีนเป็นชาติงดงาม ทั้งรูปลักษณ์ตัวละคร บทประพันธ์ ประเพณีวัฒนธรรม สถานที่ และมีความแสวงหาความก้าวหน้าของตัวละคร ผู้ชมมีการพูดคุยและแลกเปลี่ยนหลังจากการดูซีรีส์ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ส่งผลให้ภาพจำเชิงบวกต่อจีนถูกส่งต่ออย่างรวดเร็ว โดยการชมซีรีส์ทำให้คนมีภาพจำต่อจีนเปลี่ยนมาสู่การนิยมสังคมจีน ฐณยศเห็นว่า การตอบรับเชิงสร้างสรรค์นี้เกิดขึ้นพร้อมกับการสานสัมพันธ์ไทย-จีน ในด้านอื่นๆ พร้อมกันด้วย

ในประเด็นนี้จะเห็นได้ว่า รัฐบาลจีนทุ่มสรรพกำลังหลายด้านเพื่อส่งเสริมการทูตเชิงวัฒนธรรมของซีรีส์จีน โดยความเห็นของ กั้วอี้ (Guo Yi) ศาสตราจารย์ และผู้อำนวยการสถาบัน International Communication มหาวิทยาลัยฉงชิ่ง ซึ่งให้ข้อมูลแก่คณะสื่อมวลชนที่เดินทางไปเยือนสำนักงานใหญ่บริษัท Tencent ตามโครงการความร่วมมือระหว่างสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยกับสถานทูตจีนว่า ซีรีส์จีนเป็นสินค้าเชิงวัฒนธรรมที่รัฐบาลจีนให้ความสำคัญและสนับสนุน ไม่เพียงแต่เผยแพร่วัฒนธรรมจีน แต่ยังสะท้อนภาพประเทศจีนในปัจจุบันให้ชาวโลกเห็น รัฐบาลส่งเสริมหลายด้านทั้งเงิน งดเว้นภาษี และบริหารจัดการคนทั้งในระดับประเทศ พื้นที่และภูมิภาค เพื่อให้สามารถนำผลงานของจีนเผยแพร่ไปต่างประเทศได้ 

ขณะเดียวกันก็มีนโยบายด้านอื่นๆ ที่เอื้อให้เกิดการสร้างการรับรู้ต่อจีนในทางบวกด้วย เช่น มาตรการฟรีวีซ่าท่องเที่ยวจีนสำหรับคนไทยที่เริ่มเมื่อ 1 มีนาคม 2024 ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากไทยเพิ่มสูงขึ้นมาก ในไตรมาสแรกของปี 2025 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปเยือนเซี่ยงไฮ้กว่า 109,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 242.8% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา คนไทยติดอันดับ 3 ของกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาเซี่ยงไฮ้มากที่สุด หรือหน่วยงานท่องเที่ยวท้องถิ่นของจีนทำการตลาดควบคู่ไปด้วย เช่น เขตซินเจียงมีกลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับกระแสเที่ยวซินเจียงในหมู่นักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่กลางปี 2024 ที่ผ่านมา มีการจัดทัวร์ตามรอยซีรีส์ สู่แดนฝัน อาเล่อไท่ ด้วย สถิติการค้นหาคำว่า “ซินเจียง” ในกูเกิลโดดเด่นขึ้นมาตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคมถึงต้นมิถุนายน 2024 ทั้งที่ปี 2023 มีการค้นหาน้อยมาก นอกจากนี้ ยังเกิดกระแสใส่ชุดจีนโบราณ และแต่งหน้าแบบจีนในสถานที่ท่องเที่ยวจีน พร้อมกับการรีวิวแพคเกจการแต่งตัวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของจีน เช่น เทนนิส พาณิภัค นักกีฬาเทควันโด ลงคลิปแต่งหน้าและแต่งตัวแบบจีนเมื่อไปเที่ยวเมืองฉงชิ่ง หรือคลิปของ BeBell ยูทูบเบอร์ที่มีผู้ติดตาม 1 ล้านคน ลงคลิปรีวิวการแต่งชุดจีนเที่ยวเมืองกวางโจว 

แน่นอนว่าซีรีส์จีนที่นำเสนอภาพทางวัฒนธรรมของจีนมีส่วนสำคัญต่อการรับรู้ของผู้ชมต่อจีนจนถูกมองว่า ซีรีส์จีนเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ของจีน แต่การดำเนินการด้านอื่นๆ ควบคู่กันไปด้วยอย่างเป็นระบบ เช่น นโยบายด้านท่องเที่ยว เศรษฐกิจ ก็ยิ่งช่วยให้ผู้ชมชาวไทยมีความเข้าใจเข้าใจจีนมากขึ้น และสั่งสมความรู้สึกทางบวกต่อจีนได้มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดในการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ และข้อพิพาทเรื่องเขตแดนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การใช้ซอฟต์พาวเวอร์มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อสร้างการรับรู้ทางบวกต่อจีนและเพื่อสร้างอิทธิพลในภูมิภาคนี้ จนอาจเรียกได้ว่าอุตสาหกรรมบันเทิงถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อขยายซอฟต์พาวเวอร์ของจีน ซึ่งรัฐบาลจีนหวังว่าจะทำให้ภาพลักษณ์จีนในสายตานานาชาติดีขึ้น

ดูข้อมูลที่ https://rocketmedialab.co/database-chinese-dramas-thailand-2024/ 

คุณอาจสนใจ