จากราชกิจจานุเบกษาที่ประกาศเรื่องจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งแต่ละจังหวัดพึงมี ที่ประกาศเมื่อ 2 ธันวาคม 2568 คำนวณพื้นที่ของ สส.เขต 400 คน โดยอิงจำนวนราษฎรสัญชาติไทยทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 จำนวน 64,953,661 คน คิดเป็นจำนวนราษฎรโดยเฉลี่ย 162,384 คน ต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน
การคำนวณเพื่อหาจำนวน สส. แบบแบ่งเขต มีวิธีการคำนวณดังนี้
- นำจำนวนราษฎรสัญชาติไทย ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567 จำนวน 64,953,661 คน หารด้วยจำนวน สส. แบบแบ่งเขต 400 คน จะได้เท่ากับ 162,384 หมายความว่า ราษฎรสัญชาติไทย 162,384 คน จะมี สส. เขต 1 คน
- นำจำนวนราษฎรสัญชาติไทยแต่ละจังหวัดมาหารด้วย 162,384 จะได้จำนวน สส. พึงมีแต่ละจังหวัด รวม 362 คน
- เท่ากับจะต้องจัดสรร สส. เขต อีก 38 คน เพื่อให้ครบ 400 คน
- นำเศษจำนวนราษฎรสัญชาติไทยจากการหารครั้งแรกของแต่ละจังหวัด มาเรียงลำดับจากมากไปน้อย แล้วเพิ่มจำนวน สส. จังหวัดละ 1 คนให้กับ 38 จังหวัดแรก จะได้ สส. เขตทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 400 คน
จากการคำนวณหาจำนวน สส. แบบแบ่งเขตพึงมีในแต่ละจังหวัด ในการเลือกตั้งปี 2569 พบว่า มี 2 จังหวัดที่จำนวน สส. แบบแบ่งเขต “ลดลง” นั่นคือ
- นครศรีธรรมราช ลดจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในปี 2566 จากจำนวน 10 คน เหลือ 9 คน ในการเลือกตั้ง ปี 2569
- ลพบุรี ลดจากจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในปี 2566 จากจำนวน 5 คน เหลือ 4 คน ในการเลือกตั้ง ปี 2569
และมี 2 จังหวัดที่จำนวน สส. แบบแบ่งเขต “เพิ่มขึ้น” นั่นก็คือ
- ปทุมธานี เพิ่มจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในปี 2566 จากจำนวน 7 คน เป็น 8 คน ในการเลือกตั้ง ปี 2569
- สมุทรสาคร เพิ่มจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในปี 2566 จากจำนวน 3 คน เป็น 4 คน ในการเลือกตั้ง ปี 2569
เมื่อพิจารณาจังหวัดที่จำนวน สส. แบบแบ่งเขตลดลง จะพบว่า นครศรีธรรมราช ในปี 2566 มีราษฎรสัญชาติไทยจำนวน 1,542,158 คน ส่วนจำนวนราษฎรสัญชาติไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่นำมาคำนวณจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ปี 2569 นั้น ลดลงเหลือเพียง 1,531,727 คน หรือลดลง 10,431 คน ดังนั้นเมื่อนำมาคำนวณเพื่อหาจำนวน สส. แบบแบ่งเขต จะได้
1,531,727/162,384 = 9.43 คน
เท่ากับว่านครศรีธรรมราช มีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการคำนวณขั้นแรก 9 คน และมีเศษจำนวนราษฎรสัญชาติไทยจากการหารครั้งแรก 70,270 คน อยู่ลำดับที่ 42 จึงไม่ได้มีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเพิ่มจากการปัดเศษ
ในขณะที่ ลพบุรี ในปี 2566 มีราษฎรสัญชาติไทยจำนวน 733,857 คน ส่วนจำนวนราษฎรสัญชาติไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่นำมาคำนวณจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ปี 2569 นั้น มีจำนวนลดลงเหลือเพียง 723,840 คน หรือลดลง 10,017 คน จึงทำให้ทั้งสองจังหวัดจำนวน สส. แบบแบ่งเขตลดลงเมื่อใช้จำนวนราษฎรโดยเฉลี่ย 162,384 คน มาคำนวณหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหนึ่งคน ดังนั้นเมื่อนำมาคำนวณเพื่อหาจำนวน สส. แบบแบ่งเขต จะได้
723,840/162,384 = 4.46 คน
เท่ากับว่าลพบุรี มีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการคำนวณขั้นแรก 4 คน และมีเศษจำนวนราษฎรสัญชาติไทยจากการหารครั้งแรก 74,303 คน อยู่ลำดับที่ 40 จึงไม่ได้มีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเพิ่มจากการปัดเศษ
ในขณะที่จังหวัดที่จำนวน สส. แบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้น จะพบว่า ปทุมธานี ในปี 2566 มีราษฎรสัญชาติไทยจำนวน 1,191,386 คน ส่วนจำนวนราษฎรสัญชาติไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่นำมาคำนวณจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ปี 2569 นั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 1,225,591 คน หรือเพิ่มขึ้น 34,205 คน ดังนั้นเมื่อนำมาคำนวณเพื่อหาจำนวน สส. แบบแบ่งเขต จะได้
1,225,591/162,384 = 7.55 คน
เท่ากับว่าปทุมธานี มีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการคำนวณขั้นแรก 7 คน และมีเศษจำนวนราษฎรสัญชาติไทยจากการหารครั้งแรก 88,902 คน อยู่ลำดับที่ 34 จึงมีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้นอีก 1 คนจากการปัดเศษ
ในขณะที่สมุทรสาคร ในปี 2566 มีราษฎรสัญชาติไทยจำนวน 556,860 คน ส่วนจำนวนราษฎรสัญชาติไทย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ที่ใช้นำมาคำนวณจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ปี 2569 นั้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 566,884 คน หรือเพิ่มขึ้น 10,017 คน ดังนั้นเมื่อนำมาคำนวณเพื่อหาจำนวน สส. แบบแบ่งเขต จะได้
566,884/162,384 = 3.49 คน
เท่ากับว่าสมุทรสาคร มีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการคำนวณขั้นแรก 3 คน และมีเศษจำนวนราษฎรสัญชาติไทยจากการหารครั้งแรก 79,732 คน อยู่ลำดับที่ 38 จึงมีจำนวน สส. แบบแบ่งเขตเพิ่มขึ้นอีก 1 คนจากการปัดเศษ
รวมจำนวน สส. แบบแบ่งเขตในการเลือกตั้ง ปี 2569 อยู่ที่ 400 คน
ข้อมูลดิบ https://rocketmedialab.co/database-district-mp-2026/
