- สำรวจซีรีส์ Girls’ Love (GL) ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2013-2025 ครอบคลุมซีรีส์ที่มีคู่ GL เป็นคู่หลักหรือคู่รองที่มีบทบาทเด่น เน้นคู่ที่มีเส้นเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ พบว่ามีซีรีส์ GL รวม 51 เรื่อง ก่อให้เกิดคู่จิ้น GL ที่เป็นที่รู้จักถึง 38 คู่
- จากคู่ทดลองตลาด ที่ปรากฏเป็นส่วนประกอบของเนื้อเรื่องหลัก หรือเป็นคู่รองในช่วงปีแรก ซีรีส์ GL เริ่มมีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2024 ที่มีการผลิตซีรีส์มากถึง 21 เรื่อง ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ
- ท่ามกลางผู้ผลิตซีรีส์ GL จำนวนมาก ช่องฟรีทีวีหลักอย่างช่อง 3 และทีวีสาธารณะอย่างไทยพีบีเอส ก็กระโดดเข้ามาร่วมผลิตซีรีส์แนวนี้ รวมถึงเวทีการประกวดนางงามมิสแกรนด์ ก็มีผู้เข้าประกวดที่กลายเป็นคู่จิ้น เกิดฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง นำมาสู่การสร้างซีรีส์ งานแฟนมีต และการไลฟ์คู่ขายของ
- คู่จิ้น GL ที่มียอดฟอลฯ ใน IG ตั้งแต่ 1 ล้านคนขึ้นไป 4 คู่ อาทิ #ฟรีนเบค #อิงล็อต #หลิงออม #มิ้ลค์เลิฟ มีกิจกรรมแฟนมีตติ้ง/คอนเสิร์ตคู่ในต่างประเทศรวมกันถึง 55 ครั้ง (นับตั้งแต่ 2023 จนถึง 20 มิ.ย. 2025) อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงกระจุกตัวอยู่ในทวีปเอเชียเป็นหลัก โดยมีคู่ #อิงล็อต เป็นคู่เดียวที่สามารถบุกตลาดทวีปอเมริกาเหนือได้อย่างโดดเด่น
- ในซีรีส์ BL เราไม่ค่อยได้เห็นตัวละครหลักที่เป็นพ่อม่ายหรือเคยมีครอบครัวมาก่อนบ่อยนัก ขณะที่พล็อตของ GL มีตัวละครที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตอย่างการเป็นแม่ม่าย แม่เลี้ยงเดี่ยว หรือผ่านการหย่าร้างมาก่อน ทำให้ตัวละครมีความขัดแย้งภายในใจและมีประเด็นเรื่องการได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะลูก และการเริ่มต้นชีวิตใหม่

ซีรีส์วาย (BL) ถูกกล่าวถึงว่าเป็นเหมือน ‘ซอฟต์พาวเวอร์’ ของประเทศไทย ทั้งในแง่ของกระแสความนิยมระดับโลก ไปจนการสร้างรายได้กลับสู่ประเทศทั้งในแง่การนำไปฉายในแพลตฟอร์มต่างๆ หรืองานอีเวนต์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ซีรีส์วายกำลังเติบโตนั้น ซีรีส์ Girls’ Love (GL) ก็เริ่มก่อร่างสร้างความนิยมของตนเองขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทั้งจากภาพยนตร์ Yes or No อยากรัก ก็รักเลย นับเป็นหมุดหมายสำคัญที่จุดประกายและบุกเบิกวงการ GL ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง การเป็นคู่รองในซีรีส์วาย (BL) หลากหลายเรื่อง จนสามารถมีซีรีส์ GL เป็นของตัวเอง ไม่ต้องอยู่ใต้เงาของซีรีส์วายอีกต่อไป จนทำให้ช่องฟรีทีวีหลายช่องเริ่มผลิตคอนเทนต์ GL อย่างจริงจัง หรือแม้แต่การได้รับการยอมรับจากภาครัฐ เช่นกรณีซีรีส์ “ปิ่นภักดิ์” ที่ได้รับการเลือกจากกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นซีรีส์นำร่องในการส่งเสริมสินค้าไทยสู่ระดับโลก มาจนถึงปัจจุบันที่คู่ GL ไม่ว่าจะเป็น #ฟรีนเบค #อิงล็อต #หลิงออม #น้ำตาลฟิล์ม ฯลฯ โด่งดังไม่แพ้กระแสคู่จิ้นชาย-ชาย
Rocket Media Lab ชวนสำรวจจักรวาลซีรีส์ Girls’ Love (GL) ในไทยระหว่างปี 2013-2025 (เก็บข้อมูลจนถึง 16 มิ.ย. 2025) ครอบคลุมซีรีส์ที่มีคู่ GL เป็นคู่หลักหรือคู่รองที่มีบทบาทเด่น เน้นคู่ที่มีเส้นเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ ผลการรวบรวมข้อมูลพบซีรีส์ 51 เรื่อง และมีคู่จิ้น 38 คู่ จากนักแสดง 74 คน ว่าเป็นมาอย่างไร เติบโตมามากแค่ไหน และในจักรวาล GL นี้มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง

จักรวาล GL กว้างใหญ่แค่ไหน เริ่มต้นมาอย่างไร
จากการสำรวจซีรีส์ Girls’ Love (GL) ในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2013-2025 ครอบคลุมซีรีส์ที่มีคู่ GL เป็นคู่หลักหรือคู่รองที่มีบทบาทเด่น เน้นคู่ที่มีเส้นเรื่องพัฒนาความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ พบว่ามีซีรีส์ GL รวม 51 เรื่อง ก่อให้เกิดคู่จิ้น GL ที่เป็นที่รู้จักถึง 38 คู่
โดยหากสำรวจเส้นทางการเติบโตของซีรีส์ GL ในแต่ละปี นับตามจำนวนเรื่องที่ออกฉาย พบการเติบโตของจำนวนเรื่องที่ออกฉายในแต่ละปี ดังนี้

- ปี 2013 (1 เรื่อง): รักเธอรักเขาและรักของเรา (Club Friday The Series 3)
- ปี 2014 (2 เรื่อง): ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น 2, สงครามนางงาม 1
- ปี 2015 (1 เรื่อง): ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น 3
- ปี 2016 (4 เรื่อง): The Dreamer คอนโด/บาริสต้า/สถาปนิก, ผมม้าหน้าเต่อ, รักออนไลน์ (Club Friday The Series 7), สงครามนางงาม 2
- ปี 2017 (2 เรื่อง): รัก/ชั้น/นัย, รักแท้หรือแค่ความหวัง (Club Friday The Series 8)
- ปี 2018 (2 เรื่อง): i Stories ตอน B, i Stories ตอน L
- ปี 2019 (1 เรื่อง): Club Friday The Series 11 ตอน รักล้ำเส้น
- ปี 2020 (0 เรื่อง)
- ปี 2021 (2 เรื่อง): 7 Project ตอน Remember, Bad Buddy แค่เพื่อนครับเพื่อน
- ปี 2022 (4 เรื่อง): FAVORITE GIRL ชุบแป้งทอด, GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู, Love Of Secret อากงจ๋า…ป๊าไม่รู้, Magic of Zero ตอน Zero Photography
- ปี 2023 (5 เรื่อง): 23.5 องศาที่โลกเอียง, Love Senior พี่ว้ากคะ รักหนูได้มั้ย, Lucky My Love รักนี้มากับดวง, Show Me Love The Series แค่อยากบอกรัก, Wedding Plan The Series แผนการ(รัก)ร้ายของนายเจ้าบ่าว
- ปี 2024 (21 เรื่อง): 21 Days Closer Step, Affair รักเล่นกล, Apple My Love ถึงเธอ…ที่รัก, Blank เติมคำว่า (รัก) ลงในช่องว่าง, Blank เติมคำว่า (รัก) ลงในช่องว่าง SS2, Club Friday The Series: Love Bully รักให้ร้าย, Delete Your Past ลบเธอให้หาย, I Am Devil เตือนแล้วนะ… ว่าฉันร้าย, Love Senior Special พี่ว้ากคะ รักหนูได้มั้ย!? ตอนพิเศษ, Making Memorable Memories, Mate The Series เพื่อนรัก, My Marvellous Dream Is You ฝันรักห้วงนิทรา, Petrichor หยดฝนกลิ่นสนิม, Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก, Reverse 4 You The Series ดาวบริวาร, The Loyal Pin ปิ่นภักดิ์, The Secret of us Series ใจซ่อนรัก, The Two Of Us Season 2 รักนี้มีแค่เรา, The Two Of Us รักนี้มีแค่เรา, Unlock Your Love รักได้ไหมยัยตัวร้าย, หม่อมเป็ดสวรรค์ (Mhom Ped Sawan), Deep Night The Series คืนนี้มีแค่เรา
- ปี 2025 (5 เรื่อง): I’m Your Moon กัษธิษฐาน, Music Story: Losing Control, Reverse With Me ล้านวงโคจร, Your Apple เธอ…ที่รักของฉัน, Us รักของเรา
ในระยะแรกของการบุกเบิกวงการ Girls’ Love (GL) ในประเทศไทย ก่อนที่จะมีการผลิตซีรีส์ GL ที่มีเนื้อหาจริงจังและหลากหลายเช่นในปัจจุบัน จุดเริ่มต้นที่สำคัญมาจากภาพยนตร์เรื่อง Yes or No อยากรัก ก็รักเลย (2010) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงและเป็นที่จดจำในฐานะผลงาน GL เรื่องแรกๆ ที่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง ภาพยนตร์เรื่อง Yes or No จุดประกายให้เกิดความสนใจใน GL แต่ในยุคแรกเริ่มนั้น ซีรีส์ GL ที่มีตัวละครหลักเป็นหญิงรักหญิงโดยสมบูรณ์และไม่มีผู้ชายเข้ามาเกี่ยวข้องเลยยังไม่แพร่หลายนัก เรียกได้ว่ายุคตั้งไข่นั้นมักจะพบความขัดแย้งที่สำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น
- รักสามเส้ากับเพศชาย: ตัวละครหญิงคนหนึ่งมักจะมีแฟนเป็นผู้ชาย หรือคบอยู่กับผู้ชายมาก่อน ก่อนที่จะค่อยๆ ค้นพบความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อผู้หญิงอีกคน และเลิกรากับแฟนชายเพื่อมาคบกับทอมบอย ซึ่งเป็นพล็อตที่พบได้บ่อยในช่วงแรก
- บทบาททอม-ดี้ ที่ชัดเจน: ลักษณะภายนอกของตัวละคร GL ในยุคแรกจะมีความแตกต่างอย่างชัดเจน โดยคนหนึ่งจะเป็นทอมที่มีบุคลิกแมน แต่งกายแบบผู้ชาย ตัดผมสั้น ส่วนอีกคนจะเป็นดี้ หรือผู้หญิงที่มีความเป็นหญิงที่ผันตัวมารักทอมบอย หรือบางครั้งก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นทอมแต่แรกแต่ก็แต่งตัวแมนกว่า
- เรื่องราวที่จบลงด้วยความไม่สมหวัง: ซีรีส์ GL ในยุคแรก โดยเฉพาะจาก Club Friday The Series ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงที่โทรเข้ามาเล่าในรายการ มักจะจบลงด้วยโศกนาฏกรรม ตัวละครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องยอมจำนน เสียสละ หรือต้องเผชิญกับความเจ็บปวด ทำให้เรื่องราวความรักมักจะไม่สมหวัง คล้ายคลึงกับซีรีส์ Boys’ Love (BL) ในยุคแรกๆ ที่มักจะจบลงด้วยความเศร้าโศก สะท้อนให้เห็นว่าความรักแบบหญิงรักหญิงในบริบทสังคมไทยขณะนั้นยังถูกมองว่าไม่จีรังยั่งยืน หรือผิดปกติ
จนมาถึง GL ในจอโทรทัศน์ ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของทีวิดิจิทัลพอดี เริ่มต้นด้วยเรื่อง รักเธอรักเขาและรักของเรา (Club Friday The Series 3) โดยเลือกซีรีส์ดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นการนับข้อมูลซีรีส์ GL ของ Rocket Media Lab เนื่องจากตัวละครหลักอย่างเจและดรีม มีความสัมพันธ์แบบคู่รักหญิงรักหญิงที่พัฒนาอย่างชัดเจน มีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิด รวมถึงฉากจูบและหอมแก้ม แม้เรื่องราวจะจบลงด้วยการเลิกรา แต่ก็แสดงถึงพัฒนาการของความรักที่ลึกซึ้งระหว่างผู้หญิงด้วยกัน
พัฒนาการของ Girls’ Love (GL) ในประเทศไทยก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่โดดเด่นอย่างชัดเจนตั้งแต่ปี 2021 ที่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความนิยม GL ที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือการปรากฏตัวของคู่รอง GL อย่างอิ๊งค์และภา ในซีรีส์ Bad Buddy Series แค่เพื่อนครับเพื่อน จนสร้างปรากฏการณ์คู่จิ้น #มิ้ลค์เลิฟ เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าผู้ชมเริ่มเปิดรับและชื่นชอบความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงมากขึ้น อีกทั้งความนิยมของมิ้ลค์เลิฟยังมีการต่อยอด ผลิตเป็นมินิซีรีส์ Magic of Zero ตอน Zero Photography (2022) ซึ่งเป็นตอนเฉพาะของคู่มิ้ลค์เลิฟอีกด้วย
ในปี 2022 และการมาถึงของซีรีส์ GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู ของคู่ #ฟรีนเบค ฟรีน (สโรชา จันทร์กิมฮะ) – เบ็คกี้ (รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง) ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญและเป็นการเปิดศักราชของซีรีส์ GL ในประเทศไทยอย่างแท้จริง ซีรีส์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามด้วยยอดชมบน YouTube กว่า 300 ล้านวิว แต่ยังสร้างปรากฏการณ์ด้วยการฉายผ่าน ช่อง 3 ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 22.55 น.ซึ่งเป็นช่อง ฟรีทีวีหลักของประเทศ และยังสามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง YouTube การเข้าถึงที่ง่ายดายนี้ทำให้ GAP The Series เข้าถึงผู้ชมในวงกว้างและสร้างฐานแฟนคลับ GL ที่แข็งแกร่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
หากกล่าวว่า Love Sick The Series รักวุ่น วัยรุ่นแสบ คือผู้จุดกระแสของซีรีส์ Boys’ Love (BL) ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู ก็เปรียบเสมือนซีรีส์ที่เป็นหัวหอกในการบุกเบิกและยกระดับวงการ GL สู่กระแสหลัก ด้วยความยาวถึง 12 ตอน ซึ่งแตกต่างจากซีรีส์ GL ในยุคแรกๆ ที่มักจะปรากฏเป็นส่วนประกอบของเนื้อเรื่องหลัก หรือเป็นคู่รองเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ดาว-ก้อย ใน ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น 3 (ปี 2015) หรือ คู่ยีนส์-เจ ใน รัก/ชั้น/นัย (ปี 2017) หรือเป็นมินิซีรีส์ที่มีจำนวนตอนสั้นๆ เพียง 1-4 ตอน หรืออาจจะสั้นเพียง 15 นาที ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นการทดลองตลาด โดยเฉพาะในซีรีส์อย่าง i Stories ตอน B (ปี 2018), i Stories ตอน L (ปี 2018) และ It’s Complicated เพราะรักมันซับซ้อน (ปี 2018)
ดังนั้นความยาวของ GAP The Series ที่มีจำนวนตอนถึง 12 ตอนนั้น แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในการนำเสนอเรื่องราว GL อย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2024 ที่มีการผลิตซีรีส์มากถึง 21 เรื่อง ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ
และจากกระแสที่พุ่งสูงขึ้นและคู่จิ้น #ฟรีนเบค ส่งผลให้กระแส GL พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และตามมาด้วยการแจ้งเกิดของคู่จิ้น GL ชื่อดังอีกหลายคู่ ไม่แพ้กระแสคู่จิ้นชาย-ชาย อาทิ #อิงล็อต อิงฟ้า วราหะ – ชาล็อต ออสติน #หลิงออม หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง – ออม กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ #น้ำตาลฟิล์ม น้ำตาล ทิพนารี วีรวัฒโนดม – ฟิล์ม รชานันท์ มหาวรรณ์ #มิ้ลค์เลิฟ มิ้ลค์-พรรษา วอสเบียน และเลิฟ-ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร ที่สร้างปรากฏการณ์และมีฐานแฟนคลับจำนวนมาก
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในปัจจุบันคือความตื่นตัวในการผลิตซีรีส์ GL ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล มีลิสต์ซีรีส์ GL ที่ได้รับการยืนยันการสร้างและกำลังรอออกอากาศเป็นจำนวนมาก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของตลาดและความมั่นใจของผู้ผลิตที่จะนำเสนอเรื่องราวความรักแบบหญิงรักหญิงอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น นับเป็นการยืนยันว่าวงการ GL ในประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง

ช่องทางการฉายหลักของซีรีส์ GL: Youtube มาแรงที่สุด
แม้ว่าซีรีส์ GL (Girls’ Love) และ BL (Boys’ Love) จะจัดอยู่ใต้ร่มของซีรีส์วาย (Yaoi และ Yuri) เหมือนกัน แต่เมื่อมองย้อนกลับไป จะพบว่าทั้งสองแนวมีเส้นทางการเติบโตและบุกเบิกพื้นที่บนแพลตฟอร์มสื่อที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือเส้นทางของ GL จะเริ่มจากโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ก่อนเข้าสู่โลกออนไลน์ และฟรีทีวี
ความน่าสนใจของซีรีส์ GL คือการเริ่มต้นและสร้างการรับรู้ผ่านโทรทัศน์ระบบดิจิทัล การนำเสนอความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงมักจะถูกสอดแทรกเป็นพล็อตย่อยหรือตอนพิเศษในซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์ระบบดิจิทัล ทำให้เข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง ยุคบุกเบิกผ่านซีรีส์ทางทีวีในช่วง 2013-2017 จะเห็นซีรีส์อย่าง Club Friday The Series ที่ฉายผ่านช่อง GMM25 โดยถือเป็นผู้บุกเบิกสำคัญในการนำเสนอเรื่องราวความรักหลากหลายรูปแบบ รวมถึงความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิง เช่นในตอน รักเธอรักเขาและรักของเรา (2013), รักออนไลน์ (2016), และ รักแท้หรือแค่ความหวัง (2017) แม้จะไม่ได้เป็นซีรีส์ GL เต็มตัว แต่ก็ทำให้ภาพของความรักระหว่างผู้หญิงกลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงในสังคมวงกว้าง
ความสัมพันธ์แบบ Girls’ Love ยังปรากฏในซีรีส์ดังอย่าง ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น (One 31), สงครามนางงาม (One 31), The Dreamer คอนโด/บาริสต้า/สถาปนิก (One 31) หรือแม้กระทั่งซีรีส์เฉพาะทางอย่าง ผมม้าหน้าเต่อ (PPTV) และ รัก/ชั้น/นัย (MCOT) จะเห็นได้ว่าช่องทางหลักในช่วงแรกคือโทรทัศน์ทั้งหมด
จนถึงช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญในปี 2022 โดยความสำเร็จของ GAP The Series ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ตอกย้ำเส้นทางของ GL ที่เติบโตจากทีวี การที่ซีรีส์ GL เต็มรูปแบบได้ออกอากาศทางช่อง 3 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีรายใหญ่ของประเทศ ถือเป็นการยกระดับและมอบความชอบธรรมให้กับคอนเทนต์ GL ในสื่อกระแสหลักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และต่อมาถึงขยายฐานสู่แพลตฟอร์มออนไลน์
หลังจากสร้างฐานการรับรู้บนทีวีแล้ว ซีรีส์ GL จึงเริ่มขยายอิทธิพลมายังแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างจริงจัง เช่น การนำ GAP The Series มาลงย้อนหลังทาง YouTube ซึ่งทำให้เกิดฐานแฟนคลับในระดับนานาชาติอย่างมหาศาล กลายเป็นโมเดลของการฉายทางทีวีเพื่อสร้างการรับรู้ในประเทศ และใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเจาะตลาดโลก
ในทางกลับกัน ซีรีส์ BL มีจุดกำเนิดและเติบโตจากวัฒนธรรมเฉพาะกลุ่มในโลกออนไลน์ ก่อนที่จะขยายอิทธิพลเข้าสู่สื่อกระแสหลักในภายหลัง อาจกล่าวได้ว่าจุดตั้งไข่มาจากนิยายออนไลน์ อย่างนิยายวายที่ได้รับความนิยมอย่างสูงบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ Love Sick The Series (2014) ซึ่งดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องดังในเว็บไซต์ Dek-D แสดงให้เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายและคอมมูนิตี้ของ BL นั้นแข็งแกร่งในโลกดิจิทัลมาตั้งแต่แรก
อาจกล่าวได้ว่าสำหรับ BL แล้ว มีช่องฟรีทีวีเป็นสะพานเชื่อมสู่ผู้ชมวงกว้าง เพราะแม้ว่า Love Sick จะได้ออกอากาศทางช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งเป็นฟรีทีวี แต่บทบาทของทีวีในยุคแรกของ BL นั้นเปรียบเสมือนสะพานที่นำคอนเทนต์จากโลกออนไลน์มาแนะนำให้ผู้ชมในวงกว้างได้รู้จัก มากกว่าจะเป็นจุดเริ่มต้น เพราะหลังจากความสำเร็จของ Love Sick นั้น ซีรีส์ BL ส่วนใหญ่กลับเลือกแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางหลักในการออกอากาศ ไม่ว่าจะเป็น LINE TV (ในยุครุ่งเรือง), YouTube, และตามมาด้วยแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง WeTV, iQIYI, Viu เหตุผลสำคัญคือความเป็นอิสระในการนำเสนอเนื้อหา การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรง และการสร้างรายได้จากฐานแฟนคลับทั่วโลกได้ง่ายกว่า การฉายทางทีวีจึงกลายเป็นตัวเลือกรองหรือฉายควบคู่กันไป
ความแตกต่างที่เกิดขึ้น อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า GL ใช้กลยุทธ์การแทรกซึมเข้าสู่โทรทัศน์ระบบดิจิทัลก่อน แล้วจึงต่อยอดสู่โลกออนไลน์และฟรีทีวี ในขณะที่ BL จุดตั้งต้นอย่าง Love Sick นั้นได้เริ่มจากช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี ซึ่งเป็นฟรีทีวี แล้วตามมาด้วยพื้นที่ออนไลน์อย่างโทรทัศน์ระบบดิจิทัล และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งออนไลน์
แต่มีพลวัตอย่างหนึ่งที่เห็นได้ไม่ต่างกันคือการพัฒนาจากการเป็น “คู่รอง” โดยก่อนที่ BL จะยืนหยัดในสื่อได้ก็เริ่มจากการเป็นคู่รองในซีรีส์ที่มีคู่หลักเป็นชาย-หญิง ก่อน หรือเป็นเพียงโครงเรื่องรอง (subplot) ของซีรีส์ก่อน และการพัฒนาของ GL ก็เริ่มมาจากจุดนี้เช่นกัน
และเมื่อสำรวจข้อมูลของซีรีส์ GL ในไทย ว่ามีการเผยแพร่ผ่านช่องทางไหนบ้าง จะพบว่ามีหลากหลายช่องทาง สะท้อนให้เห็นถึงการขยายตัวของการเข้าถึงผู้ชมดังนี้
- YouTube เป็นช่องทางหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีจำนวนซีรีส์ฉายถึง 36 เรื่อง (34.29%) แสดงให้เห็นว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่ซีรีส์ GL กำลังเริ่มตั้งไข่และยังไม่เป็นกระแสหลักในฟรีทีวี เช่น GAP The Series ทฤษฎีสีชมพูที่ฉายผ่าน YouTube และตอนที่ 1 มียอดวิวรวมสูงถึง 63 ล้านครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิ.ย. 2025)
- GMM 25 เป็นช่องฟรีทีวีที่มีการฉายซีรีส์ GL ค่อนข้างมากถึง 12 เรื่อง (11.43%) เช่น รักเธอรักเขาและรักของเรา (Club Friday The Series 3) ในปี 2013, รักออนไลน์ (Club Friday The Series 7) ในปี 2016, และ Magic of Zero ตอน Zero Photography ในปี 2022 นอกจากนี้ GMM25 ยังเป็นช่องที่ออกอากาศ ซีรีส์ 23.5 องศาที่โลกเอียง ในปี 2023 ซึ่งถือเป็นซีรีส์แนวแซฟฟิกเรื่องแรกอย่างเป็นทางการของ GMMTV และในปีเดียวกันนั้น ยังได้ฉายซีรีส์ Love Senior พี่ว้ากคะ รักหนูได้มั้ย อีกด้วย
- iQIYI เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งสัญชาติจีนที่เข้ามามีบทบาทอย่างมาก โดยมีซีรีส์ GL ฉายถึง 11 เรื่อง (10.48%) หนึ่งในซีรีส์เด่นคือ 23.5 องศาที่โลกเอียง ซึ่งออกอากาศในปี 2023 ตามมาด้วยซีรีส์ในปี 2024 อย่าง Affair รักเล่นกล และ Pluto นิทาน ดวงดาว ความรัก การที่ iQIYI นำซีรีส์ GL เข้ามาฉายอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นของคอนเทนต์แนวนี้ และการยอมรับจากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับนานาชาติ
- Channel 3 มีบทบาทสำคัญในการผลักดัน GL สู่กระแสหลัก โดยมีการฉายซีรีส์ GL ถึง 6 เรื่อง (5.71%) รวมถึงการฉายเรื่องที่สร้างปรากฏการณ์อย่าง GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู และ The Secret of Us ใจซ่อนรัก
- One 31 มีซีรีส์ GL ฉาย 7 เรื่อง (6.67%) โดยเฉพาะซีรีส์ในตระกูล Club Friday
- Amarin TV และ WeTV มีจำนวนซีรีส์ฉายช่องทางละ 5 เรื่อง (4.76%) โดยในปี 2024 มีซีรีส์ฉายผ่าน WeTV อย่าง Mate The Series เพื่อนรัก และ Apple My Love ถึงเธอ…ที่รัก
- LINE TV มีซีรีส์ GL ฉาย 4 เรื่อง (3.81%)
- Netflix มีซีรีส์ GL ฉาย 3 เรื่อง (2.86%)
- ช่องทางฟรีทีวีและแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่มีจำนวนเรื่องฉาย 1-2 เรื่อง ได้แก่ Facebook (2 เรื่อง), GTH On Air (2 เรื่อง), iflix (2 เรื่อง), Viu (2 เรื่อง), GagaOOLala (1 เรื่อง), MCOT (1 เรื่อง), PPTV (1 เรื่อง), Reel (1 เรื่อง), Thai PBS (1 เรื่อง), TikTok (1 เรื่อง), Viki (1 เรื่อง), และ Workpoint TV (1 เรื่อง)
คอนเทนต์ GL ใช้เวลาหลายปีในการเป็นส่วนประกอบหนึ่งของซีรีส์เรื่องอื่นๆ เพื่อปูทางและทดลองตลาด ช่วงเวลานี้กินระยะเวลายาวนานเกือบ 8 ปี ในยุคแรกเริ่ม (2014-2016) ความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงมักถูกนำเสนอในฐานะคู่รองไม่ต่างจาก BL หรือบางครั้งก็เส้นเรื่องย่อยในซีรีส์ เช่น ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น (คู่ดาว-ก้อย) และ สงครามนางงาม (คู่เดียร์-ลูกหว้า) หรือเป็นเพียงมินิซีรีส์สั้นๆ ใน Club Friday The Series เพื่อสร้างความคุ้นเคยและทดลองตลาด แม้กระทั่งในปี 2021 ที่ BL เฟื่องฟู คู่ GL ก็ยังคงเป็นเพียงคู่รองในซีรีส์ แค่เพื่อนครับเพื่อน ซึ่งสะท้อนว่าอุตสาหกรรมยังมอง GL เป็นเพียงส่วนเสริม
การมาถึงของ ทฤษฎีสีชมพู ในปี 2022 จึงถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งประวัติศาสตร์ ด้วยสเกลการผลิตเต็มรูปแบบ 12 ตอน จำนวนความยาวต่อตอนยาว 1 ชั่วโมง 13 นาที และความสำเร็จถล่มทลายทั้งในและต่างประเทศ ซีรีส์เรื่องนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าตลาด GL มีอยู่จริงและมีกำลังซื้อมหาศาล พร้อมสร้างฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง
หลังจากใช้เวลาเกือบทศวรรษในฐานะคู่รอง ซีรีส์ GL ก็ได้พิสูจน์ศักยภาพของตลาดผ่านความสำเร็จของ ทฤษฎีสีชมพู การที่ซีรีส์ได้ออกอากาศทางช่อง 3 แม้จะไม่ได้บุกเบิกฟรีทีวีก่อน BL แต่ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของการยอมรับในวงกว้าง ซึ่งเป็นผลจากพลังของฐานแฟนคลับที่สร้างขึ้นบนโลกออนไลน์
พี่อ้อย พี่ฉอด และ GMMTV: สองค่ายยักษ์ใหญ่ผู้นำการผลิตซีรีส์ GL
จากการสำรวจข้อมูลซีรีส์ BL ในช่วงปี 2014-2023 โดย Rocket Media Lab ในบทความ 10 ปีซีรีส์วาย : จักรวาลแห่งการจิ้นสู่การเป็นซอฟต์พาวเวอร์ไทย พบว่ามีบริษัทผู้ผลิตรวมถึง 131 บริษัท ที่ผลิตซีรีส์วายออกสู่ตลาด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูงและความหลากหลายของค่ายผู้ผลิต โดย GMMTV ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดและมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในวงการ BL โดยผลิตซีรีส์ BL ไปถึง 58 เรื่อง คิดเป็น 19.46% ของซีรีส์ BL ทั้งหมด ตัวอย่างผลงานเด่นที่สร้างปรากฏการณ์และได้รับความนิยมอย่างสูง ได้แก่ SOTUS The Series พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง (2016), เพราะเราคู่กัน 2gether The Series (2020), แค่เพื่อนครับเพื่อน BAD BUDDY SERIES (2021)
ในขณะที่ซีรีส์ GL จากข้อมูลที่สำรวจในช่วงปี 2013-2025 พบว่ามีบริษัทผู้ผลิตทั้งหมด 36 บริษัท ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยกว่าฝั่ง BL อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็พบผู้เล่นหลักและผู้เล่นหน้าใหม่ในอุตสาหกรรมดังกล่าวมากขึ้น โดยจากการสำรวจพบมีบริษัทผู้ผลิตหลายรายที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ซีรีส์ GL ซึ่งสะท้อนถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้
- CHANGE2561 เข้ามาผลิตซีรีส์ GL จำนวน 5 เรื่อง (8.62%)
- GMMTV ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการซีรีส์วาย ได้ผลิตซีรีส์ GL ไปแล้ว 5 เรื่อง (8.62%)
- IDOL FACTORY ซึ่งเป็นผู้สร้าง GAP The Series ทฤษฎีสีชมพ มีผลงานซีรีส์ GL 3 เรื่อง (5.17%)
- บริษัท สตาร์ทติ้ง จำกัด มีผลงานซีรีส์ GL 3 เรื่อง (5.17%)
- นอกจากผู้ผลิตรายใหญ่เหล่านี้ ยังมีผู้ผลิตอื่นๆ ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ซีรีส์ GL อีกมากมาย โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ผลิตรายเล็กหรือรายใหม่ที่กำลังสร้างฐานในตลาดนี้ เช่น -iSM BRANDED ENTERTAINMENT, Exact Scenario, GTH, H’our Channel, K11D HOUSE, Kongthup Production, Miss Grand Organization, Nadao Bangkok, NineStar Studios, และ Star hunter Entertainment ซึ่งแต่ละรายมีผลงาน 2 เรื่อง (3.45%)
- ส่วนผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่มีผลงานแห่งละ 1 เรื่อง (1.72%) ได้แก่ ATIME, Baanchan Production, ช่อง 3, CHEZKLUR-5, Fragrant Property, GMM Bravo, houston film, Jungka.Studio, KJN IDOL STUDIO, Maxlive Online TV, MBO Teen Entertainment, Me Mind Y, NeZT MEDIA, PA DONG DIB, SHAKESHOULDER FILMMAKER, SiamSi Studio, Studio Wabi Sabi, TV Thunder, U ENTERTAINMENT CO.,LTD, กันตนา โมชั่น พิคเจอร์ส, บริษัท แม็กซ์ เมจิก เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด, และไทยพีบีเอส
ขณะที่ GMMTV นอกจากจะเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการ BL แล้ว ก็ยังคงรักษาบทบาทในการผลิตซีรีส์ GL ด้วยเช่นกัน หนึ่งในผลงานสำคัญของ GMMTV ในตลาด GL คือซีรีส์ 23.5 องศาที่โลกเอียง (ปี 2023) ซึ่งนับเป็นซีรีส์แนวแซฟฟิกเรื่องแรกของ GMMTV อย่างเป็นทางการ ซีรีส์เรื่องนี้นำแสดงโดยคู่จิ้นยอดนิยมอย่าง #มิ้ลค์เลิฟ ซึ่งเคยสร้างกระแสโด่งดังและได้รับความรักจากแฟนๆ ในฐานะคู่รองจากซีรีส์ Bad Buddy แค่เพื่อนครับเพื่อน (ปี 2021) มาก่อนแล้ว
นอกจากนี้ GMMTV ยังมีซีรีส์ GL ที่น่าจับตามองและกำลังรอออกอากาศ นั่นคือเรื่อง Whale Store xoxo คุณวาฬร้านชำ ซึ่งยังคงเป็นการแสดงของคู่ #มิ้ลค์เลิฟ อีกครั้ง สะท้อนถึงการมองเห็นศักยภาพของตลาดนี้ การนำคู่จิ้นที่มีฐานแฟนคลับแข็งแกร่งมารับบทนำในซีรีส์ GL เรื่องแรกของค่าย ยิ่งตอกย้ำถึงความตั้งใจของ GMMTV ในการเจาะตลาดนี้
ค่าย CHANGE2561 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ผลิตซีรีส์ดราม่าเข้มข้นอย่าง Club Friday The Series ภายใต้การดูแลของพี่อ้อย-พี่ฉอด ก็เป็นยุคบุกเบิกในการผลิตซีรีส์ที่มีตัวเอกเป็นผู้หญิงสองคนที่มีสัมพันธ์กัน และยังมีซีรีส์ GL อีกมากมาย โดยมีผลงานเด่นที่ออกฉายแล้ว ได้แก่ Affair รักเล่นกล และ Club Friday The Series: Love Bully รักให้ร้าย ซึ่งเรื่องหลังนี้ยังได้คู่จิ้นยอดนิยมอย่าง #อิงล็อต (อิงฟ้า วราหะ และ ชาล็อต ออสติน) มาร่วมแสดงอีกด้วย
ส่วนบริษัท IDOL FACTORY ซึ่งเป็นผู้ผลิตที่สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับวงการ GL จากซีรีส์ GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู (2022) อาจกล่าวได้ว่า #ฟรีนเบค เป็นคู่ที่สร้างปรากฏการณ์และบุกเบิกวงการ GL ในไทยให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากซีรีส์เรื่องดังกล่าว
นอกจากผู้ผลิตที่กล่าวไปแล้ว การที่ช่องฟรีทีวีกระแสหลักและทีวีสาธารณะเริ่มเข้ามามีบทบาทในการผลิตซีรีส์ GL เองนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่ตอกย้ำถึงการเติบโตและยอมรับในวงกว้างของคอนเทนต์แนวนี้
เราจะเห็นว่า ช่อง 3 (Channel 3) ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ฟรีทีวีรายใหญ่ ได้ลงมาผลิตซีรีส์ GL เองอย่างจริงจัง ดังเช่นเรื่อง ใจซ่อนรัก (The Secret of Us) การมาของ #หลิงออม หลิงหลิง (ศิริลักษณ์ คอง) – ออม (กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์) ที่เป็นคู่จิ้น GL แถวหน้าที่ได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว โดยได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ การที่ช่องหลักระดับประเทศเข้ามาลงทุนผลิตเองเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาด GL และความต้องการของผู้ชมที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ไทยพีบีเอส (องค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย) ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะ ก็ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการผลิตซีรีส์ GL เช่นกัน โดยเฉพาะการนำเรื่องราวของ หม่อมเป็ดสวรรค์ มาสร้างใหม่ ซึ่งเป็นการตีความความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงในอดีตด้วยมุมมองที่ทันสมัย การที่ทีวีสาธารณะเข้ามาอำนวยการสร้างเช่นนี้ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงการเปิดกว้างของสังคมเท่านั้น แต่ยังอาจเป็นการส่งเสริมให้เกิดการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศในวงกว้างยิ่งขึ้นด้วย
การเข้ามาของช่องฟรีทีวีกระแสหลักและทีวีสาธารณะ ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับซีรีส์ GL ให้ก้าวจากพื้นที่เฉพาะกลุ่ม รวมถึงขยายตลาดไปสู่พื้นที่อย่างช่องโทรทัศน์ในช่วงเวลายอดนิยม (prime time) ได้อีกด้วย ไปสู่ตลาดกระแสหลักได้อย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม นอกจากข้อมูลที่ปรากฏ เราก็ยังเห็นแนวโน้มในอนาคต อย่างช่อง 7 ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องโทรทัศน์ฟรีทีวีที่มีฐานผู้ชมจำนวนมาก ก็ได้ส่งสัญญาณของการยอมรับและปรับตัวเข้าสู่กระแส GL ด้วยการนำซีรีส์ชุด บ้านวาทินวณิช มาฉาย ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าช่องฟรีทีวียักษ์ใหญ่เริ่มเปิดพื้นที่ให้กับคอนเทนต์ GL อย่างเป็นทางการมากขึ้น การที่ช่อง 7 เลือกซีรีส์ GL มาฉายในผังรายการปกติ ทุกคืนวันเสาร์ เวลา 20.30 น. ย่อมส่งผลให้ GL เข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ และได้รับการยอมรับในวงกว้างยิ่งขึ้น
เมื่อเวทีนางงามก็หันมาจับกระแส GL
เวทีการประกวดนางงามมิสแกรนด์ (Miss Grand Organization) ได้กลายเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มสำคัญที่ก่อกำเนิดคู่จิ้น GL ที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาล ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เข้าประกวดในเวทีนี้ ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ได้รับความสนใจอย่างมากจากแฟนคลับ และพัฒนาไปสู่การสร้างคู่จิ้นที่มีเคมีเข้ากันและมีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง เช่น คู่ของอิงล็อต อิงฟ้า วราหะ และ ชาล็อต ออสติน
นอกเหนือจากคู่จิ้นสร้างปรากฏการณ์อย่าง #อิงล็อต แล้ว เวทีมิสแกรนด์ยังคงเป็นแหล่งกำเนิดคู่จิ้น Girls’ Love (GL) ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเคมีที่ลงตัวและความผูกพันที่เกิดขึ้นระหว่างผู้เข้าประกวด และได้รับการตอบรับอย่างดีจากแฟนคลับ ไม่ว่าจะเป็น #มีนเบ้บ #จ๊าบหลิน หรือคู่จิ้นน้องใหม่อย่าง #โซน่า
จากกระแสความนิยมของคู่จิ้นนางงามนี้เอง ทำให้มิสแกรนด์ต่อยอดความสำเร็จด้วยการสร้างซีรีส์ที่มีนางงามเหล่านี้แสดงนำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างซีรีส์ GL ที่มีคู่จิ้นของตัวเองเป็นตัวเอก อย่างซีรีส์ แค่อยากบอกรัก (Show me love) ที่เป็นซีรีส์ GL เรื่องแรกของมิสแกรนด์ ตามมาด้วยซีรีส์ หยดฝนกลิ่นสนิม ที่ผลิตร่วมกับบริษัท ทีวีธันเดอร์ จำกัด (มหาชน) ล่าสุดนี้ยังเริ่มผลิตเรื่องใหม่อย่าง #บริษัทนี้ไม่มีจำกัด ที่มิสแกรนด์นำคู่จิ้นทั้งหมดจากเวทีของตนเองมาต่อยอดเป็นซีรีส์ ซึ่งนอกจากจะเป็นการตอบรับความต้องการของแฟนคลับแล้ว ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวนางงามและองค์กร การมีคู่จิ้นที่โด่งดังส่งผลให้เกิดกิจกรรมหลายรูปแบบ ทั้งการจัดแฟนมีตติ้ง ที่มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก และการไลฟ์คู่ขายสินค้า
การปรับตัวและก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างชัดเจนของช่องฟรีทีวีและเวทีนางงาม ตอกย้ำให้เห็นว่ากระแส GL ได้ขยายตัวอย่างมาก และซีรีส์ GL ไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราวอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นส่วนสำคัญและเป็นที่ยอมรับในอุตสาหกรรมบันเทิงของไทยอย่างแท้จริง ทั้งในแง่ของปริมาณการผลิต ความหลากหลายของช่องทางการเผยแพร่ และจำนวนบริษัทผู้ผลิตที่เข้ามามีบทบาท ซึ่งตอกย้ำว่า GL ได้กลายเป็นหนึ่งในกระแสสำคัญของวงการบันเทิงไทยในปัจจุบัน และมีแนวโน้มที่จะเติบโตและพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต

Uncut Version: ความร้อนแรงที่ยังคงแตกต่างกับจักรวาล BL
จากการสำรวจ พบว่าการนำเสนอซีรีส์ Girls’ Love (GL) ในรูปแบบ Uncut Version ยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น เมื่อเทียบกับซีรีส์ Boys’ Love (BL) โดยมีซีรีส์ GL เพียง 16 เรื่อง (31.37%) เท่านั้นที่มีฉบับ Uncut ในขณะที่ 35 เรื่อง (68.63%) ไม่มีเวอร์ชัน Uncut
สัดส่วนที่น้อยกว่านี้สะท้อนให้เห็นว่าวงการ GL ยังคงอยู่ในช่วงตั้งไข่ และมีจำนวนการผลิตโดยรวมที่น้อยกว่า BL อย่างเห็นได้ชัด
ผู้ผลิตจึงอาจยังคงใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอเนื้อหาที่เปิดเผย เพื่อให้สอดคล้องกับการยอมรับของตลาด ในทางกลับกัน ซีรีส์ BL บางเรื่องได้ก้าวไปไกลกว่าการนำเสนอฉบับ Uncut ไปสู่ “Sultrier version” ที่ร้อนแรงยิ่งขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพร้อมของตลาดและฐานผู้ชม BL ที่เปิดกว้างต่อเนื้อหาที่เข้มข้นกว่า
ส่วนที่มาของบทประพันธ์สำหรับซีรีส์ GL แสดงให้เห็นว่า นิยายยังคงเป็นหัวใจหลักในการสร้างสรรค์ โดยมีสัดส่วนซีรีส์ที่สร้างมาจากนิยายถึง 19 เรื่อง (37.25%) ในขณะที่ 32 เรื่อง (62.75%) เป็นการเขียนบทขึ้นใหม่ ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่านิยายเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญในการสร้างสรรค์ซีรีส์ GL แต่ก็มีซีรีส์จำนวนมากที่ไม่ได้มีพื้นฐานมาจากนิยาย ซึ่งอาจเป็นการสร้างบทประพันธ์ขึ้นใหม่ สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายในการพัฒนาเนื้อหาของซีรีส์ GL
ปรากฏการณ์ ‘จิ้นนอกจอ’: คู่จิ้น GL ไทยที่ก้าวข้ามบทบาทสู่ชีวิตจริงในใจแฟนด้อม
ในอุตสาหกรรมซีรีส์ GL ของไทย ปรากฏการณ์ “คู่จิ้น” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในบทบาทการแสดงอีกต่อไป แต่ยังต่อยอดไปสู่ความสัมพันธ์นอกจอที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาลจากแฟนด้อม ซึ่งมีการสนับสนุนและติดตามอย่างเหนียวแน่น
จากคู่จิ้น GL ทั้งหมด 38 คู่ที่สำรวจมาจากซีรีส์ GL 51 เรื่องนั้น มีอย่างน้อย 10 คู่ ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ “จิ้นนอกจอ” ได้อย่างจริงจังและชัดเจน โดยคู่เหล่านี้ไม่เพียงแต่มีเคมีที่เข้าขาในซีรีส์ แต่ยังคงมีโมเมนต์ การทำกิจกรรมร่วมกัน และได้รับการสนับสนุนจากแฟนคลับอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากบทบาทการแสดง อาทิ
- ฟรีนเบค (#ฟรีนเบค): เป็นคู่จิ้น GL ที่ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายและสร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน ยอดวิวตอนแรกของซีรีส์บน YouTube รวมสูงถึง 63 ล้านครั้ง สะท้อนถึงการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมหาศาลและกระแสตอบรับ พลังของแฟนด้อมฟรีนเบคยังแข็งแกร่ง แฮชแท็กก็มักติดเทรนด์โลกและเทรนด์ประเทศไทยอยู่เสมอ การสนับสนุนยังขยายไปสู่การร่วมงานโฆษณา โดยฟรีนได้รับแต่งตั้งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Maison Valentino และเบคกี้เป็น Brand Ambassador ของ L’Oreal Paris Makeup ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความนิยมและการยอมรับในระดับสากล
- อิงล็อต (#อิงล็อต): คู่จิ้นที่มีจุดเริ่มต้นจากเวทีประกวด Miss Grand Thailand และต่อยอดมายังซีรีส์ แฟนด้อมของทั้งสองมีความแข็งแกร่งและมีการจิ้นนอกจออย่างชัดเจน มีกิจกรรมร่วมกันและโมเมนต์ที่แฟนคลับให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง
- คู่หลิงออม (#หลิงออม) จากซีรีส์ The Secret of Us ใจซ่อนรัก ซึ่งเป็นคู่ที่ฮอตไม่แพ้กัน โดยยอดวิวตอนแรกของซีรีส์บน Youtube สูงถึง 13.7 ล้านครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีคู่จิ้นอื่นๆ ที่มีกระแส “จิ้นนอกจอ” และน่าจับตามองอย่าง มิ้ลค์เลิฟ (#มิ้ลค์เลิฟ) จากซีรีส์ 23.5 องศาที่โลกเอียง หรือคู่ ฝ้ายโยโกะ (#ฝ้ายโยโกะ) จากซีรีส์ Blank เติมคำว่า (รัก) ลงในช่องว่าง ทั้งคู่ได้รับความนิยมอย่างมากและมีแฟนด้อมที่ติดตามและสนับสนุนการจิ้นนอกจอ แม้กระทั่งคู่ ธัญญ่าหนิง (#ธัญญ่าหนิง) แม้จะเป็นนักแสดงรุ่นใหญ่ที่แต่งงานแล้วในชีวิตจริงอย่าง ธัญญาเรศ เองตระกูล และ ปณิตา พัฒนาหิรัญ แต่จากบทบาทใน Club Friday The Series และโมเมนต์ต่างๆ ทำให้เกิดกระแสการจิ้นและมีแฟนด้อมที่ให้การสนับสนุนอย่างน่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าความจิ้นเกิดได้จากทั้งความสามารถทางการแสดงและเคมีที่ส่งถึงกัน
ปรากฏการณ์ “จิ้นนอกจอ” ของคู่จิ้น GL ไทยเป็นเครื่องยืนยันว่าอุตสาหกรรมนี้ไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่เติบโตอย่างมั่นคงและมีอิทธิพลต่อวงการบันเทิงไทยและในระดับนานาชาติ ความสามารถของนักแสดงในการสร้างเคมีที่น่าประทับใจทั้งในและนอกจอ พร้อมกับการสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งจากแฟนด้อม คือหัวใจสำคัญที่ผลักดันให้ซีรีส์ GL ไทยก้าวไปไกล
ส่งออก ซอฟต์พาวเวอร์ ไทย ทั้ง BL และ GL
กระแสซีรีส์วาย Boys’ Love (BL) ของไทยได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วงปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่สร้างปรากฏการณ์ในประเทศเท่านั้น แต่ยังขยายฐานแฟนคลับไปทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงพลังของ ซอฟต์พาวเวอร์ไทย ที่แผ่ขยายไปทั่วเอเชียและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากปรากฏการณ์ Fan Meeting ของคู่จิ้นซีรีส์วายไทยในต่างประเทศ ทั้งในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม และจีน
ในขณะเดียวกัน ซีรีส์ Girls’ Love (GL) ก็กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มสร้างฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งในระดับสากลเช่นกัน จากการสำรวจคู่จิ้น GL ที่มียอดผู้ติดตาม Instagram มากกว่า 1 ล้านคนขึ้นไป โดย Instagram เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงอิทธิพลและความน่าสนใจของคู่จิ้น GL เหล่านี้ในระดับสากล แสดงให้เห็นถึงยอดผู้ติดตาม Instagram ของคู่จิ้น GL ยอดนิยม (ข้อมูล ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2025) อาทิ
#ฟรีนเบค (FreenBecky) คู่จิ้นระดับปรากฏการณ์จากซีรีส์ GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู ยังคงรักษาความนิยมในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง โดย ฟรีน สโรชา จันทร์กิมฮะ (@srchafreen) มียอดผู้ติดตามสูงถึงประมาณ 4.7 ล้านคน และ เบ็คกี้ รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง (@beccca) ก็มีผู้ติดตามใกล้เคียงกันที่ประมาณ 4.3 ล้านคน ซึ่งตอกย้ำสถานะความเป็นผู้นำของทั้งคู่ในวงการ GL ไทย
#มิ้ลค์เลิฟ (MilkLove) คู่จิ้นจาก GMMTV ที่ได้รับความรักอย่างต่อเนื่อง มิ้ลค์ พรรษา วอสเบียน (@panly.v) มียอดผู้ติดตามประมาณ 2 ล้านคน ในขณะที่ เลิฟ ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร (@loverrukk) มีผู้ติดตามสูงถึงประมาณ 4 ล้านคน
#หลิงออม (LingOrm): อีกหนึ่งคู่จิ้นที่กำลังมาแรง หลิงหลิง คอง (@linglingkwong) มียอดผู้ติดตามประมาณ 2.4 ล้านคน และ ออม กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ (@orm.kornnaphat) ก็มีผู้ติดตามใกล้เคียงกันที่ประมาณ 2.3 ล้านคน
#อิงล็อต (Englot) คู่จิ้นสุดฮอตจากเวทีมิสแกรนด์ อิงฟ้า วราหะ (@fa_engfa8) มีฐานแฟนคลับบน Instagram อย่างล้นหลาม ด้วยยอดผู้ติดตามประมาณ 4.1 ล้านคน ส่วน ชาล็อต ออสติน (@itscharlotty) ก็มีผู้ติดตามประมาณ 1.7 ล้านคน

และเมื่อสืบค้นข้อมูลการจัดแฟนมีตติ้งคู่/คอนเสิร์ตคู่ในต่างประเทศ นับตั้งแต่ 2023-2025 (เก็บข้อมูลจนถึง 20 มิ.ย. 2025) จะพบว่า
#ฟรีนเบค (FreenBecky) เป็นคู่จิ้น GL ที่เดินสายจัดแฟนมีตติ้งในต่างประเทศมากที่สุด ด้วยจำนวนรวมถึง 19 ครั้ง พวกเธอสามารถเข้าถึงแฟนคลับในหลายประเทศแถบเอเชียพบว่า ฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่ถูกเยือนบ่อยครั้งที่สุดถึง 6 ครั้ง อย่างงาน FreenBecky FaBulous FanBoom ตามมาด้วย จีน ซึ่งมีการจัดกิจกรรมไป 5 ครั้ง เช่น งาน FreenBecky FaBulous FanBoom ซึ่งจัดขึ้นที่ฮ่องกง ส่วน ญี่ปุ่น ถูกเยือนไป 3 ครั้ง ขณะที่ ไต้หวัน และ เวียดนาม มีจำนวนเท่ากันที่ 2 ครั้ง ปิดท้ายด้วย สิงคโปร์ ที่มีการจัดกิจกรรมเพียง 1 ครั้ง ความสำเร็จนี้แสดงให้เห็นถึงความนิยมอันล้นหลามของทั้งสองในตลาดเอเชียอย่างชัดเจน
#อิงล็อต (Englot) จากเวทีมิสแกรนด์ ก็เป็นอีกหนึ่งคู่จิ้นที่สร้างปรากฏการณ์ในต่างแดน โดยมีแฟนมีตติ้งรวม 17 ครั้ง ที่น่าสนใจเป็นพิเศษคือการจัดงานในสหรัฐอเมริกาถึง 12 ครั้ง ซึ่งเป็นการบุกตลาดทวีปอเมริกาเหนืออย่างเห็นได้ชัดนอกเหนือจากประเทศที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีการจัดงานในประเทศอื่นๆ อีก โดย ฟิลิปปินส์ มีการจัดงาน 2 ครั้ง ส่วน กัมพูชา, จีน, และ เวียดนาม มีการจัดงานประเทศละ 1 ครั้ง แสดงให้เห็นถึงการขยายฐานแฟนคลับไปยังตลาดที่หลากหลายและนอกเหนือจากทวีปเอเชีย และล่าสุดเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2025 อิงล็อตได้จัดงาน Englot 1st Fan Meet in Mexico ขึ้นที่ Mexico City (Circo Volador) ซึ่งเป็นการบุกตลาดทวีปอเมริกาเหนืออย่างต่อเนื่อง และในวันที่ 22 มิถุนายน 2025 ก็ได้มีงาน #1stFanmeetENGLOTinBrazil ที่ Sao Paulo (Terra SP) ซึ่งเป็นการขยายอิทธิพลสู่ทวีปอเมริกาใต้เป็นครั้งแรก
นอกจากนี้ อิงล็อตยังมีตารางงาน FANMEETING WORLD TOUR 2025 ที่แสดงให้เห็นถึงการวางแผนบุกตลาดทั่วโลกอย่างจริงจัง อาทิ ตารางงานแฟนมีตติ้งที่บาร์เซโลนา สเปน (Teatre Sant Cugat) ที่ปารีส ฝรั่งเศส (Bouillon République) และลอนดอน อังกฤษ (The Drum Wembley) การเคลื่อนไหวเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงการขยายฐานแฟนคลับของอิงล็อตไปยังตลาดที่หลากหลาย และการบุกเบิกตลาดใหม่ๆ นอกเหนือจากเอเชียอย่างชัดเจน ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และกำลังจะขยายสู่ยุโรปอีกด้วย
คู่จิ้น #หลิงออม (LingOrm) ก็เป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อน GL ไทยในต่างประเทศ ด้วยจำนวนแฟนมีตติ้งรวม 10 ครั้ง พบว่า จีน เป็นประเทศที่มีการจัดงานมากที่สุดถึง 6 ครั้ง โดยมีงาน LINGORM 1st FAN MEETING ในฮ่องกง, LINGORM 1st FAN MEETING ในมาเก๊า และ Our Secret Love LINGORM MEETING ในมาเก๊า เป็นตัวอย่าง ในขณะที่ ญี่ปุ่น มีการจัดงาน Dear my Love LING & ORM 1st FAN MEETING ในโตเกียวเพียง 1 ครั้ง เช่นเดียวกับ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และ เวียดนาม ที่มีการจัดงานประเทศละ 1 ครั้ง
ขณะที่คู่ #มิ้ลค์เลิฟ (MilkLove) ซึ่งมีผลงาน GL ที่น่าจับตามอง ก็ได้จัดแฟนมีตติ้งในต่างประเทศรวม 9 ครั้ง โดยยังคงเน้นตลาดเอเชียเป็นหลักในจีน ที่มีการจัดงานมากที่สุดถึง 5 ครั้ง ซึ่งรวมถึงงาน MilkLove 1st Fan Meeting ในฮ่องกง และงาน MilkLove 1st Fan Meeting ในมาเก๊า ตามมาด้วย ไต้หวัน ที่มีการจัดงาน 2 ครั้ง ส่วน ฟิลิปปินส์ และ เวียดนาม มีการจัดงานประเทศละ 1 ครั้ง
โดยรวมแล้ว คู่จิ้น GL ยอดนิยมทั้ง 4 คู่นี้ ได้เดินทางไปจัดกิจกรรมแฟนมีตติ้ง/คอนเสิร์ตคู่ในต่างประเทศรวมกันถึง 55 ครั้ง ตัวเลขนี้ตอกย้ำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าซีรีส์ GL ไทยได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากแฟนคลับทั่วโลก อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาการกระจายตัวของแฟนมีตติ้ง จะเห็นว่า ตลาดยังคงกระจุกตัวอยู่ในทวีปเอเชียเป็นหลัก โดยมีคู่ #อิงล็อต เป็นคู่เดียวที่สามารถบุกตลาดทวีปอเมริกาเหนือได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับซีรีส์ GL ไทยในการขยายฐานแฟนคลับไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ นอกเหนือจากเอเชีย และกำลังก้าวขึ้นมาเป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมบันเทิงและซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยในระดับสากล
วิวัฒนาการของซีรีส์ GL ในไทย: จาก “ทอมดี้” สู่ “แซฟฟิก”
พัฒนาการของซีรีส์ Girls’ Love (GL) หรือที่ในปัจจุบันมักเรียกว่า ซีรีส์แซฟฟิก (Sapphic Series) โดยแซฟฟิก (Sapphic) เป็นคำที่ใช้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และแพร่หลายตั้งแต่ทศวรรษ 1890 มีรากศัพท์จากกวีหญิงกรีกที่ชื่อ แซฟโฟ (Sappho) โดยกวีที่เขียนส่วนใหญ่นั้นกล่าวถึงความรักระหว่างผู้หญิง คำนี้เป็นคำกว้างๆ (umbrella term) ที่ครอบคลุมความดึงดูดหรือความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิง ไม่ว่าจะระบุตัวตนเป็นเลสเบี้ยน (lesbian), ไบเซ็กชวล (bisexual), แพนเซ็กชวล (pansexual), เอเซ็กชวล (asexual), นอนไบนารี (non-binary) หรือทรานส์ (trans) รวมถึงความรักโรแมนติกระหว่างผู้หญิงทุกรูปแบบ โดยในประเทศไทย มีการกล่าวถึงคำดังกล่าวในช่วงปี 2022 เป็นต้นมา ทำให้มีการนำคำดังกล่าวมานิยามซีรีส์ GL ในประเทศไทยด้วย ทั้งนี้เมื่อมองพลวัต จะพบว่ารูปแบบซีรีส์ GL ในไทยได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเรื่องของการนำเสนอตัวละครและความสัมพันธ์
ยุคเริ่มต้นมีทอม-ดี้ เป็นภาพจำ โดยจะพบว่าในยุคแรกเริ่ม ซีรีส์หรือภาพยนตร์ GL มักจะนำเสนอตัวละครหลักในรูปแบบของ “ทอม” และ “ดี้” โดยพระเอก/นางเอกคนที่ 1 ของเรื่องมักจะเป็นทอม ซึ่งหมายถึงผู้หญิงที่มีลักษณะภายนอกและบุคลิกภาพอย่างชาย มีความแมน แต่งกายแบบผู้ชาย และมักจะตัดผมสั้น เช่น ตัวละครเจ จาก รักเธอรักเขาและรักของเรา (Club Friday The Series 3) ในปี 2016 ยังพบใน รักออนไลน์ (Club Friday The Series 7) ซึ่งเป็นมินิซีรีส์ในปีเดียวกัน เอ้ ตัวเอกก็ปรากฏในบุคลิกแมนๆ ด้วยผมสั้นและเสื้อเชิ้ต โดยเธอปลอมโปรไฟล์เป็นชายเพื่อคุยกับ รุ้ง จนเกิดความรัก นอกจากนี้ ยังมีตัวละครอย่าง อลิส จาก สงครามนางงาม 2 ที่ในซีซั่นแรกไม่ได้ระบุรสนิยมชัดเจน แต่ในซีซั่น 2 มีปฏิสัมพันธ์กับ ลูกน้ำ พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงสไตล์การแต่งกายและการไว้ผมสั้นที่เน้นย้ำบุคลิกภาพที่แมนขึ้น
ส่วนนางเอก หรือตัวเอกหญิงอีกคน มักจะถูกนำเสนอในรูปแบบของผู้หญิงที่เคยคบกับผู้ชายมาก่อน และหลังจากผิดหวังในความรักจากผู้ชาย ก็เริ่มตกหลุมรักทอม หรือเป็นดี้ ซึ่งหมายถึงผู้หญิงที่มีความเป็นหญิงทั่วไป แต่มีความชื่นชอบผู้หญิงที่มีลักษณะอย่างชาย (ทอม) เช่น ในปี 2016 ซีรีส์ ผมม้าหน้าเต่อ ยังนำเสนอเรื่องราวที่นางเอกอย่าง น้ำฝน ถูกรุมจีบโดยพี่ทอมสองคน หรือแม้กระทั่ง พาย จากภาพยนตร์ Yes or No อยากรัก ก็รักเลย ที่ตอนแรกปฏิเสธ คิม เพราะบุคลิกคล้ายทอม แต่ภายหลังคิมได้ตั้งคำถามถึงความหมายของทอมและการเปลี่ยนแปลงตัวตนเมื่อตกหลุมรักเพศเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการค้นพบความรู้สึกใหม่ที่เกินกว่ากรอบนิยามทางเพศเดิมด้วย
การนำเสนอในลักษณะนี้เป็นการสร้างภาพจำให้กับความสัมพันธ์แบบหญิงรักหญิงในยุคแรกเริ่ม โดยยึดติดกับกรอบบทบาททางเพศที่ค่อนข้างชัดเจน
ขณะที่ปัจจุบัน ซีรีส์ GL หรือที่เรียกว่าซีรีส์แซฟฟิก เริ่มบอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของผู้หญิงทุกรูปแบบได้หลากหลายมากขึ้น โดยที่ตัวละครหลักทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นนางเอกคนที่ 1 หรือนางเอกคนที่ 2 ก็ตาม มักจะมีลักษณะทั่วไปแบบผู้หญิง ส่วนความรักที่เกิดขึ้นเป็นความรักระหว่างหญิงรักหญิง ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างก็ชื่นชอบผู้หญิงที่มีลักษณะแบบผู้หญิงด้วยกัน ตัวอย่างย้อนกลับไปในปี 2017 คือ รักแท้หรือแค่ความหวัง (Club Friday The Series 8) ที่ ซี เจ้าของห้องเสื้อผู้มีรสนิยมชอบผู้หญิง ตกหลุมรัก เคท นางแบบ ซึ่งทั้งคู่แต่งกายแบบผู้หญิง แต่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการมีลูก จนเคทไปหาผู้ชายและจบลงด้วยการทิ้งซีไปอยู่ต่างประเทศกับสามี (พ่อของลูก) นอกจากนี้ ยังมีคู่ ดาวและก้อย ในฮอร์โมน วัยว้าวุ่น 2 (ปี 2014) และคู่ ภาและอิ๊ง จาก Bad Buddy แค่เพื่อนครับเพื่อน (ปี 2021) โดยภาสารภาพรักก่อน และอิ๊งก็เผยว่าแอบมองภามานานแล้ว ทั้งภาและอิ๊งต่างก็แต่งกายแบบผู้หญิง ซึ่งสะท้อนการนำเสนอความรักระหว่างผู้หญิงที่ชัดเจนและเป็นธรรมชาติมากขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในซีรีส์แซฟฟิกยุคใหม่นี้ บทบาทของการเป็น “รุก” หรือ “รับ” ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยลักษณะภายนอกหรือการแต่งกายอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรื่องของสิ่งที่เรียกว่า “โพสิชั่น (Position)” ในความสัมพันธ์ที่แสดงออกผ่านพฤติกรรมและความเข้าขาของตัวละคร
แต่ก็ยังคงมีข้อถกเถียงกันเช่นเคย เพราะแม้ว่าซีรีส์ GL ยุคใหม่จะพยายามนำเสนอความหลากหลายและหลุดพ้นจากกรอบทอม-ดี้ แต่ก็ยังคงหนีไม่พ้นการบอก “โพ” หรือตำแหน่งในความสัมพันธ์ เช่น ใครคือ “ผู้นำ” หรือ “ผู้ตาม” ในความสัมพันธ์นี้ โดยการแสดงออกถึง “โพ” มักจะปรากฏผ่านการแต่งกาย ที่แม้จะไม่ใช่ทอม-ดี้ชัดเจน แต่ก็อาจมีการแต่งกายที่สื่อถึงความเป็นผู้นำหรือผู้ตามในบางสถานการณ์ ตลอดจนพฤติกรรม บุคลิก การกระทำ หรือการตัดสินใจของตัวละครที่บ่งบอกถึงบทบาทในความสัมพันธ์ ยังรวมไปถึงภาพโปรโมท โปสเตอร์ หรือภาพประชาสัมพันธ์ต่างๆ ที่จัดท่าทางของตัวละครเพื่อสื่อถึงตำแหน่งในความสัมพันธ์ และปรากฏการณ์การบอก “โพ” นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในซีรีส์ GL เท่านั้น แต่ยังคงเป็นสิ่งที่พบเห็นได้บ่อยใน ซีรีส์ Boys’ Love (BL) ชายรักชาย เช่นกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังของผู้ชมและวิธีการเล่าเรื่องที่ยังคงมีอิทธิพลอยู่ในวงการซีรีส์วายของไทย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือโปสเตอร์โปรเจกต์ซีรีส์ Girl’s Love ฟอร์มยักษ์อย่าง Sapphic Series Mega Project ชุด 4 Elements บ้านวาทินวณิช ที่ใช้การแต่งกายมาสื่อถึงบทบาท โดยตัวละครฝั่งที่คล้ายพระเอก (นางเอกคนที่ 1) มักจะใส่สูท ในขณะที่ตัวละครนางเอก (นางเอกคนที่ 2) จะใส่เสื้อเปิดไหล่ เพื่อสื่อถึงบทบาทของแต่ละฝ่าย
สำรวจเนื้อหาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ในซีรีส์ Girls’ Love (GL) รสนิยมทางเพศตัวเอกเป็นยังไง ต่างจากซีรีส์วาย Boys’ love (BL) มากน้อยแค่ไหน?
Rocket Media Lab เคยสำรวจซีรีส์วาย BL ในไทยทั้งหมดในรอบ 10 ปี (2014-2023) โดยเลือกสำรวจรสนิยมทางเพศของตัวละครคู่หลักในซีรีส์วาย 418 ตัวละคร 209 คู่ ซึ่งนับเฉพาะคู่หลักของเรื่อง พบว่าในจำนวนซีรีส์วาย 209 เรื่อง (จำนวน 209 คู่) จากปี 2014 ถึงปี 2023 มีตัวละครพระเอกและนายเอกที่แสดงให้เห็นรสนิยมทางเพศอย่างชัดเจนว่าชอบเพศเดียวกัน จำนวน 129 เรื่อง คิดเป็น 61.72%
ย้อนกลับไปที่ ซีรีส์ BL (Boys’ Love) หลายคนมักนึกถึงพล็อตหรือเอกลักษณ์จำเพาะ เช่น เรื่องราวความรักในรั้วมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะคณะวิศวกรรมศาสตร์ หรือการที่ “ชายแท้” สองคนค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จนเกิดเป็นความรัก คำถามที่น่าสนใจคือ แล้วในฝั่งของซีรีส์ GL (Girls’ Love) มีเอกลักษณ์ทำนองนี้บ้างหรือไม่?
ขณะที่ฝั่ง GL จากการสำรวจรสนิยมทางเพศของตัวละครคู่หลักในซีรีส์ Girls’ Love (GL) ทั้งหมด 51 คู่ ซึ่งครอบคลุมตัวละคร 102 ตัว ในที่นี้แบ่งบทบาทของตัวละคร โดยจะเรียกว่าเป็นนางเอกคนที่ 1 และนางเอกคนที่ 2 พบ ดังนี้

กลุ่มที่ 1: ตัวละคร GL ที่มีรสนิยม “ไม่ระบุ/ไบเซ็กชวล” หรือลื่นไหล
ในซีรีส์ Girls’ Love (GL) ตัวละครที่มีรสนิยม “ไม่ระบุ/ไบเซ็กชวล” หรือมีลักษณะความลื่นไหลทางเพศ (fluidity) เป็นกลุ่มที่พบมากที่สุด โดยมีจำนวนถึง 52 ตัวละคร (50.98%) พบในนางเอกคนที่ 1 จำนวน 27 ตัวละคร และนางเอกคนที่ 2 จำนวน 25 ตัวละคร การนำเสนอเช่นนี้มักเป็นเพราะเนื้อเรื่องไม่ได้มุ่งเน้นการระบุอัตลักษณ์ทางเพศของตัวละครอย่างชัดเจน ปล่อยให้เป็นพื้นที่ที่ผู้ชมสามารถตีความความสัมพันธ์ได้เอง ซึ่งสะท้อนความหลากหลายของรสนิยมทางเพศในชีวิตจริงได้ดี
ตัวอย่างซีรีส์ที่มีตัวละครในกลุ่มนี้ ได้แก่:
- The Dreamer คอนโด/บาริสต้า/สถาปนิก (ปี 2016): เรื่องราวความสัมพันธ์สามเส้าระหว่างปอง (สถาปนิกหญิง), เติ้ล (บาริสต้าหญิง) และเท็ด (สถาปนิกชาย) ซึ่งจบลงแบบปลายเปิด ทำให้ผู้ชมตีความได้หลากหลายว่าปองจะลงเอยกับเท็ดหรือเติ้ล แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เปิดกว้างทางเพศสภาพ
- Club Friday The Series 11 ตอน รักล้ำเส้น (ปี 2019): ตัวละครบุหงาและธาร ต่างไม่เคยมีประวัติชอบผู้หญิงมาก่อน และมีสถานะเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้ แต่กลับดึงดูดและตกหลุมรักกันอย่างลึกซึ้งตั้งแต่แรกพบ ความซับซ้อนของเรื่องจึงไม่ได้อยู่ที่การยอมรับเพศสภาพของตนเองเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวพันกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ซึ่งสะท้อนถึงความรักที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายและกรอบเกณฑ์เดิมๆ
- Lucky my love รักนี้มากับดวง (ปี 2023): ตัวละครหลักอย่างนับดาว เคยผ่านประสบการณ์การนัดบอดกับผู้ชายมาก่อน ก่อนที่เรื่องราวจะดำเนินไปสู่ความสัมพันธ์กับเวฬา ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าตัวละครไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การชอบเพศตรงข้ามเท่านั้น
- Reverse 4 You The Series ดาวบริวาร (ปี 2024): เล่าเรื่องของ จัตวา เด็กสาวผู้ควบคุมกาลเวลาที่ได้พบกับโฟร์ รุ่นพี่นิสัยไม่ดีในวันที่กรุงเทพฯ มีหิมะตก ทั้งคู่ตกหลุมรักกันอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยไม่ได้เน้นย้ำถึงอัตลักษณ์ทางเพศเริ่มต้นของตัวละคร ทำให้ความรักดูเป็นธรรมชาติและไม่ถูกจำกัดด้วยกรอบเพศสภาพ
- หม่อมเป็ดสวรรค์ (Mhom Ped Sawan) (ปี 2024): เป็นการตีความใหม่ของเรื่องราวความรักระหว่าง คุณขำ และ คุณสุด หม่อมห้ามในสมเด็จเจ้าวังหน้าฯ ที่มีความรู้สึกเกินเพื่อนให้กัน แม้จะถูกพันธนาการด้วยกฎเกณฑ์สังคมในอดีต แต่การนำเสนอใหม่นี้อาจสื่อถึงรสนิยมที่ลื่นไหลหรือไบเซ็กชวล ที่สามารถมีความรักและความสัมพันธ์กับผู้หญิงได้ แม้จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของเพศตรงข้ามก็ตาม
กลุ่มที่ 2: ตัวละคร GL ที่มีรสนิยม “ชอบผู้หญิงมาก่อน” หรือ “แซฟฟิก” อย่างชัดเจน
ตัวละครในกลุ่มนี้มีจำนวน 38 ตัวละคร (37.25%) โดยแบ่งเป็น พบในนางเอกคนที่ 1 จำนวน 18 ตัวละคร และพบในนางเอกคนที่ 2 จำนวน 20 ตัวละคร โดยมีลักษณะร่วมคือการระบุหรือแสดงออกอย่างชัดเจนว่าตนเองเป็นแซฟฟิก หรือมีความสนใจในเพศหญิงมาตั้งแต่ต้น ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มแรกที่เน้นความลื่นไหลหรือการค้นพบตัวเองในภายหลัง ตัวละครกลุ่มนี้มักเปิดเรื่องมาพร้อมกับอัตลักษณ์ทางเพศที่ชัดเจน และความสัมพันธ์ที่มุ่งตรงไปที่ความรักระหว่างผู้หญิงด้วยกัน
ตัวอย่างซีรีส์ที่มีตัวละครในกลุ่มนี้ ได้แก่:
- รักแท้หรือแค่ความหวัง (Club Friday The Series 8) (ปี 2017): ซีรีส์เรื่องนี้เล่าถึงซี เจ้าของห้องเสื้อที่มีรสนิยมชอบผู้หญิงด้วยกันอย่างชัดเจน เธอตกหลุมรักเคท นางแบบ ทั้งคู่เป็นคู่รักเลสเบี้ยน/แซฟฟิกที่ปรารถนาจะมีลูก แต่ต้องเผชิญกับข้อจำกัดทางกฎหมายที่ไม่อนุญาตให้คู่รักเพศเดียวกันสามารถทำ IVF ได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายที่สูง เพื่อเติมเต็มความต้องการที่จะเป็นแม่ เคทจึงตัดสินใจไปหาผู้ชายเพื่อตั้งครรภ์ ซึ่งจบลงด้วยการที่เคททิ้งซีและไปอยู่เมืองนอกกับสามี (พ่อของลูก) สะท้อนภาพความรักที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคทางสังคมและกฎหมายในยุคนั้น
- Love Senior พี่ว้ากคะ รักหนูได้มั้ย (ปี 2023): ซีรีส์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงตัวละครที่มีรสนิยมชัดเจนในการชอบเพศเดียวกัน โดยมะนาวแสดงออกชัดเจนว่าชอบเกี๊ยวซ่ารุ่นพี่ผู้หญิง นอกจากนี้ เกี๊ยวซ่ายังมีรักแรกเป็นพอย (ผู้หญิง) และมะนาวก็มีประสบการณ์ทางเพศกับผู้หญิงคนอื่นมาก่อนหน้านี้เช่นกัน
- The Loyal Pin ปิ่นภักดิ์ (ปี 2024): ซีรีส์พีเรียดเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวความรักระหว่างหม่อมเจ้าหญิงอนิลภัทร (ท่านหญิงอนิล) และหม่อมราชวงศ์ปิลันธิตา (คุณหญิงปิ่น) ทั้งสองรักกันมาตั้งแต่ต้น และต้องฝ่าฟันอุปสรรคทั้งเรื่องฐานันดรศักดิ์และกฎเกณฑ์ทางสังคม
ตัวละครในกลุ่มนี้แสดงให้เห็นถึงการก้าวไปอีกขั้นของซีรีส์ GL ในการนำเสนอความรักที่ตรงไปตรงมา และอัตลักษณ์ทางเพศที่ชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ผู้ชมกลุ่มเป้าหมายรู้สึกเชื่อมโยงและเห็นการเป็นตัวแทนของตนเองในสื่อบันเทิงมากขึ้น
กลุ่มที่ 3: ตัวละคร GL ที่ “ชอบผู้ชายมาก่อน” หรือ “ชอบเพศตรงข้าม”
ในกลุ่มนี้มีจำนวน 12 ตัวละคร (11.76%) ซึ่งเป็นสัดส่วนที่พบน้อยที่สุดในกลุ่มตัวละครหลัก โดยแบ่งเป็นนางเอกคนที่ 1 พบ 6 ตัวละคร และนางเอกคนที่ 2 พบ 6 ตัวละคร ของซีรีส์ Girls’ Love (GL) ตัวละครเหล่านี้มีรสนิยมทางเพศที่เคยสนใจหรือมีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามมาก่อน ก่อนที่จะมาค้นพบความรู้สึกต่อเพศเดียวกัน
ตัวอย่างซีรีส์ที่มีตัวละครในกลุ่มนี้ ได้แก่:
- รักออนไลน์ (Club Friday The Series 7) (ปี 2016): เอ้ ตัวเอกในเรื่องเคยแต่งงานและมีลูกมาแล้วแต่เลิกกับสามี เธอเริ่มต้นหาเพื่อนคุยออนไลน์โดยปลอมโปรไฟล์เป็นผู้ชาย และใช้ชื่อผู้ชายในการสนทนากับ รุ้ง เจ้าของร้านเสื้อผ้าออนไลน์ ต่อมาความสัมพันธ์พัฒนาจนเกิดเป็นความรักที่ถอนตัวไม่ขึ้น แต่เมื่อทั้งคู่ได้นัดเจอกันและรุ้งพบว่าเอ้เป็นผู้หญิง ความสับสนในความสัมพันธ์ก็เกิดขึ้น นำไปสู่บทสรุปที่ว่าเอ้และรุ้งจะรักกันต่อไปหรือหยุดไว้แค่นั้น
- 7 Project ตอน Remember (ปี 2021): ใน EP. 3 ตอนที่ชื่อว่า ‘Remember’ เล่าเรื่องราวของพราว หญิงสาวที่พยายามจะลืมความรักครั้งเก่ากับแฟนเก่าที่เป็นผู้ชาย จนกระทั่งเธอได้พบกับ ใจดีที่เข้ามาช่วยสร้างสีสันให้กับชีวิต แต่ในขณะที่พราวกำลังจะก้าวไปข้างหน้า ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
- 23.5 องศาที่โลกเอียง (ปี 2023): ซีรีส์แซฟฟิกเรื่องแรกของ GMMTV นำเสนอเรื่องราวขององศา ที่แอบชอบซัน ซึ่งเป็นดาวโรงเรียน แม้ว่าองศาจะที่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน แต่เมื่อมาชอบซัน เธอก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะบอกชอบผู้หญิงได้ด้วยหรือ ในเรื่องนี้ยังมีความน่าสนใจเพิ่มเติมด้วยการนำเสนอคู่ของครูนิดา กับแบมแบมซึ่งเป็นคู่รักทรานส์ (หญิงข้ามเพศ) ทั้งคู่ นับเป็นการนำเสนอภาพคู่รักทรานส์เพศหญิงด้วยกันที่ยังไม่เคยได้รับการนำเสนอในสื่อไทยมาก่อน
- Club Friday The Series: Love Bully รักให้ร้าย (ปี 2024): เรื่องราวของไอรีน ที่ตกหลุมรักไนท์ บาร์เทนเดอร์สาวสวยตั้งแต่แรกเห็นและรุกจีบทันที ความสัมพันธ์ที่รวดเร็วนี้ดำเนินไปจนเกิดเป็นความรัก แต่ไนท์มีปมในใจเกี่ยวกับอดีตและพ่อของเธอ (น้าโจ ซึ่งเป็นกะเทย) และเคยมีแฟนเป็นผู้ชายมาก่อน ไนท์ตัดสินใจบอกความจริงทั้งหมดให้ไอรีนรู้ เพื่อให้ไอรีนตัดใจจากเธอ แต่ไอรีนยังคงมั่นใจในความรักที่เธอมีให้ไนท์และยอมรับในสิ่งที่น้าโจเป็น อย่างไรก็ตาม ความรักของทั้งคู่ต้องเผชิญอุปสรรคจากแม่ของไอรีน ซึ่งเป็นนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลและไม่ยอมรับที่ลูกสาวรักผู้หญิงด้วยกัน ทั้งสองจึงต้องฝ่าฟันเพื่อความรักของตนเองโดยมีน้าโจคอยให้กำลังใจอยู่เคียงข้างเสมอ
ตัวละครในกลุ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเดินทางของการค้นพบตนเองและการเปลี่ยนแปลงรสนิยมทางเพศ ซึ่งเป็นอีกมิติหนึ่งของการนำเสนอความสัมพันธ์ GL ที่เน้นย้ำถึงความซับซ้อนและพลวัตของความรักในชีวิตจริง จนกล่าวได้ว่า จุดนี้ถือเป็นข้อแตกต่างที่น่าสนใจ เพราะในซีรีส์ BL เราไม่ค่อยได้เห็นตัวละครหลักที่เป็นพ่อม่ายหรือเคยมีครอบครัวมาก่อนบ่อยนัก ขณะที่พล็อตของ GL มีตัวละครที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตอย่างการเป็นแม่ม่าย แม่เลี้ยงเดี่ยว หรือผ่านการหย่าร้างมาก่อน ทำให้ตัวละครมีความขัดแย้งภายในใจและมีประเด็นเรื่องการได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะลูก และการเริ่มต้นชีวิตใหม่ หากเอกลักษณ์ของ BL คือการเล่าเรื่องรักครั้งแรกของหนุ่มวัยรุ่น เอกลักษณ์ของ GL ก็เปรียบเสมือนการเล่าเรื่องรักครั้งใหม่ของผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาแล้ว ซึ่งอาจหล่อหลอมให้ตัวละครมีมิติที่ลึกซึ้งและเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างออกไป
จากผลสำรวจทั้งหมด จะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นนางเอกคนที่ 1 หรือนางเอกคนที่ 2 ของเรื่องพบว่าตัวละครที่มีรสนิยมทางเพศแบบไม่ระบุอัตลักษณ์ทางเพศสูงที่สุด ซึ่งอาจสะท้อนถึงแนวโน้มของซีรีส์ GL ที่ต้องการนำเสนอความลื่นไหลทางเพศ หรือการที่ตัวละครไม่ได้จำกัดอัตลักษณ์ของตนเองตายตัว และหากสำรวจลึกลงไปอีกว่ารสนิยมทางเพศแบบไหนที่มักจะเจอในซีรีส์ GL เมื่อสำรวจจาก 51 เรื่อง พบรูปแบบดังนี้
- นางเอกคนที่ 1 ประเภท “สนใจมากกว่า 1 เพศ” หรือ “ไม่ได้ระบุเพศที่ชอบอย่างเฉพาะเจาะจง” (27 ตัวละคร):
- มักจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยมแบบ “สนใจมากกว่า 1 เพศ” หรือ “ไม่ได้ระบุเพศที่ชอบอย่างเฉพาะเจาะจง” เหมือนกัน (ทั้งคู่เป็นไบเซ็กชวลหรือไม่ระบุ) พบมากถึง 18 ตัวละคร
- รองลงมาคือจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยม “ชอบผู้หญิงมาก่อน/ชอบเพศเดียวกัน” จำนวน 5 ตัวละคร
- พบน้อยที่สุดคือจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยม “สนใจในเพศตรงข้าม” หรือ “ชอบผู้ชายมาก่อน” จำนวน 4 ตัวละคร
- นางเอกคนที่ 1 ประเภท “สนใจในเพศเดียวกัน/ชอบผู้หญิงมาก่อน” (18 ตัวละคร):
- มักจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยมตรงกันคือ “ชอบผู้หญิงมาก่อน” จำนวน 14 ตัวละคร
- รองลงมาคือจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยม “สนใจมากกว่า 1 เพศ” หรือ “ไม่ได้ระบุเพศที่ชอบอย่างเฉพาะเจาะจง” จำนวน 4 ตัวละคร
- นางเอกคนที่ 1 ประเภท “สนใจในเพศตรงข้าม/ชอบผู้ชายมาก่อน” (6 ตัวละคร):
- มักจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยม “สนใจในเพศตรงข้าม” จำนวน 2 ตัวละคร
- และจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่มีรสนิยม “สนใจมากกว่า 1 เพศ” หรือ “ไม่ได้ระบุเพศเฉพาะเจาะจง” จำนวน 3 ตัวละคร
- พบน้อยที่สุดคือจับคู่กับ นางเอกคนที่ 2 ที่ “สนใจในเพศเดียวกัน/ชอบผู้หญิงมาก่อน” เพียง 1 ตัวละคร เท่านั้น
แต่ทั้งนี้ที่ไม่พบเลยคือประเภทที่ตั้งคำถามกับอัตลักษณ์ตัวเองอย่างหนัก แตกต่างจากฝั่ง BL โดยจะพบว่า ซีรีส์ GL ไทย มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่คือการที่ตัวละครหญิงมักจะก้าวข้ามการตั้งคำถามเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ กล่าวคือพวกเธอมักตกหลุมรักกันโดยธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตั้งคำถามกับตัวเองอย่างหนักหน่วงเหมือนที่พบได้บ่อยในซีรีส์ BL โดยพบว่าหลายเรื่องเปิดตัวละครมาโดยระบุชัดเจนว่าเป็นเลสเบี้ยนหรือแซฟฟิก
และความขัดแย้งหลักในซีรีส์ GL ไม่ได้เกิดจากภายในใจของตัวละคร แต่เป็นการปะทะกับกำแพงภายนอก อย่างสถาบันครอบครัวและแนวคิดที่คาดหวังให้เป็นลูกสาวที่ดี ต้องแต่งงานกับผู้ชายเพื่อรักษาหน้าตาและสืบทอดวงศ์ตระกูล
ภาพนี้สะท้อนชัดเจนในซีรีส์อย่าง GAP The Series ทฤษฎีสีชมพู (2022) และภาคแยก Blank เติมคำว่า (รัก) ลงในช่องว่าง (2024) ที่ตัวละครอย่างหม่อมสาม และคุณหนึ่ง ไม่เคยสับสนในความรักที่มีต่อผู้หญิงด้วยกัน แต่ปัญหาทั้งหมดเกิดจากการต่อสู้กับหม่อมย่า ที่พยายามจับคู่ให้ หรือในเรื่อง Club Friday The Series: Love Bully รักให้ร้าย (2024) ที่ปัญหาซับซ้อนยิ่งกว่าแค่เรื่องของตัวละคร เมื่อไนท์ต้องเจอกับเปิดเผยความจริงเรื่องพ่อที่เป็นกะเทย ซึ่งเป็นบาดแผลจากการถูกบูลลี่มาทั้งชีวิต คู่ไปกับการที่คนรักอย่างไอรีนต้องเผชิญหน้าปัญหาที่ว่า แม่ที่รับไม่ได้ที่ชอบผู้หญิง
ทั้งนี้อาจมองว่า แนวคิดเรื่องความลื่นไหลที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ แต่มีรากฐานที่เชื่อมโยงกับบริบททางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมไทยมายาวนาน อย่างคำว่า “เล่นเพื่อน” ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ ที่เล่าถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงในราชสำนัก ซึ่งไม่ได้หมายถึงการปฏิเสธการแต่งงานกับผู้ชายอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นการโอนอ่อนตามโครงสร้างสังคม ขณะเดียวกันก็ยังรักษาความชอบของตนไว้ด้วย
ลักษณะร่วมเช่นนี้ยังพบได้ในวัฒนธรรมเอเชียอื่นๆ ดังที่งานวิจัย The matrices of female bonding and lesbian sexuality: female homoerotic cinema in Mainland China โดย Fan Yang ได้เสนอแนวคิด “การกลับบ้าน” (Coming-Home) ที่เลสเบี้ยนจีนมักจะมุ่งหวังให้ครอบครัวยอมรับคนรักของตนในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัว มากกว่าจะใช้วิธี “Coming Out” แบบตะวันตกที่เน้นการเผชิญหน้าเพื่อประกาศอัตลักษณ์ทางการเมือง
กลยุทธ์การกลับบ้านนี้สอดคล้องกับความลื่นไหลในซีรีส์ GL ไทย ที่ตัวละครไม่ได้ต้องการปฏิวัติสังคม แต่ปรารถนาที่จะได้ใช้ชีวิตกับคนที่ตนรักกับครอบครัว
หากเปรียบเทียบกับฝั่ง BL ซึ่งมักจะเน้นไปที่แรงกดดันในฐานะลูกชาย ซึ่งเป็นของลูกชายของครอบครัว หรือต้องพบการพิสูจน์ตัวเองให้พ่อแม่เห็นว่าความรักแบบชาย-ชายนั้นมั่นคงเพียงใด ฝั่ง GL ก็มีแรงกดดันไม่ต่างกัน โดยตัวละครหญิงในซีรีส์ GL มักจะถูกนำเสนอในฐานะผู้ที่ผ่านประสบการณ์ชีวิต มีความมั่นคงและยอมรับในตัวตนของตัวเองได้อย่างลื่นไหล แต่ปัญหาคือพวกเธอต้องต่อสู้กับขนบธรรมเนียมและจารีตในฐานะผู้หญิง และลูกสาว (และบางครั้งอาจรวมถึงบทบาทแม่ด้วย)
การต่อสู้ในเรื่องราวของจักรวาล GL จึงไม่ใช่แค่การประกาศอิสรภาพด้านความรัก แต่คือการให้ภาพถึงทางเลือกอื่นในชีวิตของผู้หญิงด้วย
ดูข้อมูลที่ https://rocketmedialab.co/database-13-years-thai-gl-evolution
