เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี Rocket Media Lab ชวนสำรวจ 4 ประเด็นสิ่งแวดล้อมไทย ได้แก่ ป่าไม้ คุณภาพอากาศ คุณภาพน้ำ และขยะ เพื่อดูว่าสถานการณ์ในประเด็นเหล่านี้ ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร
เกิดอะไรขึ้นกับป่าไม้ไทย ทำไมลดลงทุกปี
ข้อมูลสถานการณ์ป่าไม้ ปี 2566 – 2567 จากกรมป่าไม้ พบว่า พื้นที่ป่าไม้ของไทยลดทุกปี โดยในปี 2566 ผืนป่าของไทยลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี โดยมีการสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ถึง 317,819.20 ไร่ จากปี 2565 ทำให้เหลือพื้นที่ป่าในปี 2566 เหลือจำนวน 101,818,156 ไร่ คิดเป็น 31.47% ของพื้นที่ประเทศไทย
ในขณะที่ในปี 2567 ประเทศไทยมีพื้นที่ป่าไม้ 101,785,271.58 ไร่ หรือคิดเป็น 31.46% ของพื้นที่ประเทศ ลดลงจากปี 2566 จำนวน 32,884.17 ไร่ หรือคิดเป็น 10.35% และคิดเป็น 0.03% ของพื้นที่ป่าทั้งประเทศ

หากพิจารณาเป็นรายภาค จะพบว่า ภาคที่มีพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือภาคกลาง จำนวน 11,032.01 ไร่ รองลงมาคือ ภาคตะวันออก จำนวน 4,373.59 ไร่ สำหรับภาคที่มีจำนวนป่าลดลงมากที่สุดคือ ภาคเหนือ จำนวน 29,883.91 ไร่ ตามด้วยภาคตะวันตก 12,448.71 ไร่ ภาคใต้ 5,224.55 ไร่ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 732.61 ไร่
สาเหตุการลดลงของพื้นที่ป่าไม้เกิดจากการเปลี่ยนพื้นที่ป่าไม้ไปเป็นพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ รวมไปถึงการเกิดปัญหาไฟป่า
แม้ตัวเลขการลดลงของพื้นที่ป่าไม้ในปี 2567 จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่ตัวเลขรวมยังคงบอกเราว่า จำนวนป่าไม้ยังคงลดลง และเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปีนี้ก็พบว่าประเทศไทยประสบกับปัญหาไฟป่าที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ป่าไม้ในปี 2568 แย่ลงไปอีก
อ้างอิง
สถิติสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย พ.ศ. 2567 จัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ
คุณภาพอากาศดีขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าดีแล้ว
หากจะพิจารณาเรื่องคุณภาพอากาศ ผ่านประเด็นฝุ่นพิษ PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทยติดต่อกันทุกปี โดยข้อมูลจาก Rocket Media Lab ซึ่งอ้างอิงจากข้อมูลสถิติเว็บไซต์ The World Air Quality Index Project พบว่าในปี 2567 ที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มีวันที่อากาศดี คืออยู่ในเกณฑ์สีเขียว 43 วัน คิดเป็น 11.81% เพิ่มสูงขึ้นกว่าปี 2566 ที่มีวันที่อากาศดีเพียง 31 วัน

ในขณะที่ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่าในปี 2567 กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีค่าเฉลี่ย PM2.5 อยู่ที่ 33 มคก./ลบ.ม. เท่ากับปีก่อนหน้า และมีวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 97 วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 52 วัน ในขณะที่ภาคเหนือจำนวนวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 129 วัน จาก 112 ในปีก่อนหน้า ในขณะที่ค่าเฉลี่ย PM2.5 ดีขึ้น อยู่ที่ 46 มคก./ลบ.ม. ลดลงจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 62 มคก./ลบ.ม.
ภาคกลางมีค่าเฉลี่ย PM2.5 อยู่ที่ 34 มคก./ลบ.ม. เท่ากับปีก่อนหน้า และมีวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 101 วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 73 วัน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีค่าเฉลี่ย PM2.5 อยู่ที่ 37 มคก./ลบ.ม. ลดลงจากปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 41 มคก./ลบ.ม. และมีวันที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 113 วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีเพียง 95 วัน
จะเห็นได้ว่าแม้ในหลายพื้นที่ค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 จะลดลง แต่ก็ยังสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดไว้ไม่เกิน 10 มคก./ลบ.ม. ซึ่งทุกภาคของประเทศไทยเกินเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกทั้งสิ้น
แหล่งน้ำในประเทศเสื่อมโทรมลง แม้จะมีแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี
จากข้อมูลค่าดัชนีคุณภาพแหล่งน้ำผิวดิน (Water Quality Index: WQI) ของกรมควบคุมมลพิษ โดยเทียบปี 2566 -2567 พบว่าในปี 2566 มีแหล่งน้ำผิวดินคุณภาพดีมากเพียง 1% (1 แห่ง) คุณภาพดี 41% (29 แห่ง) คุณภาพพอใช้ 39% (27 แห่ง) และเสื่อมโทรม 19% (13 แห่ง) ในขณะที่ปี 2567 มีแหล่งน้ำผิวดินคุณภาพดี 43% (30 แห่ง) คุณภาพพอใช้ 36% (25 แห่ง) และเสื่อมโทรม 21% (15 แห่ง) ไม่มีแหล่งน้ำผิวดินคุณภาพดีมาก

จากข้อมูลพบว่าในปี 2567 ไม่มีแหล่งน้ำผิวดินคุณภาพดีมากเลย เพราะแม่น้ำตาปีตอนบนที่เป็นแหล่งน้ำผิวดินคุณภาพดีมาก มีคุณภาพน้ำลดลง ทำให้ในปี 2567 แม่น้ำตาปีตอนบนจึงอยู่ในเกณฑ์คุณภาพดี อีกทั้งจำนวนแหล่งน้ำคุณภาพเสื่อมโทรมเพิ่มขึ้น จากปี 2566 อยู่ที่ 19% (13 แห่ง) ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 21% (15 แห่ง)
นอกจากนี้หากพิจารณาในส่วนของคุณภาพน้ำทะเลยังเสื่อมโทรมลงเหมือนกันอีกด้วย โดยจากข้อมูลค่าดัชนีคุณภาพน้ำทะเล (Marine Water Quality Index: MWQI) ของกรมควบคุมมลพิษ โดยเทียบปี 2566 -2567 พบว่าในปี 2566 มีแหล่งน้ำทะเลคุณภาพดี 55% คุณภาพพอใช้ 39% คุณภาพเสื่อมโทรม 5% และคุณภาพเสื่อมโทรมมาก 1% ในขณะที่ ในปี 2567 มีแหล่งน้ำทะเลคุณภาพดี 49% คุณภาพพอใช้ 43% คุณภาพเสื่อมโทรม 6% และคุณภาพเสื่อมโทรมมาก 2%
จากข้อมูลพบว่าในปี 2567 แหล่งน้ำทะเลชายฝั่งคุณภาพดี ลดลงถึง 6% มีแหล่งน้ำทะเลชายฝั่งเสื่อมโทรม เพิ่มขึ้น 1% และมีแหล่งน้ำทะเลชายฝั่งเสื่อมโทรมมาก เพิ่มขึ้น 1%
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568 คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) มีมติเห็นชอบในการปรับปรุงแผนปฏิบัติการฯ ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี งบประมาณ 439,440.77 ล้านบาท โดยในแผนมีเรื่องการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำส่วนหนึ่งของแผนแม่บทด้วย
อ้างอิง
สถิติสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย 2567
รายงานการดำเนินงานกองจัดการคุณภาพน้ำ พ.ศ. 2566
คพ. จัด 10 ลำดับแหล่งน้ำสะอาด ปี 2567
ปี 2567 ชายฝั่งอันดามัน คุณภาพน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ดี มากที่สุด
รัฐบาลจัดหนักดัน “แผนบริหารน้ำ” 5 หมื่นรายการ ทะลุ 4.3 แสนล้าน
แม้การนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์จะเพิ่มขึ้น แต่ขยะแบบ Food Waste ก็เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
อีกหนึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยก็คือ ‘ขยะ’ โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2563–2567 ประเทศไทยมีแนวโน้มปริมาณขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 3 ปีมานี้ ดังจะเห็นได้จากข้อมูล
- ปี 2563: 25.37 ล้านตัน
- ปี 2564: 24.98 ล้านตัน (ลดลง 0.39 ล้านตัน)
- ปี 2565: 25.70 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 0.72 ล้านตัน)
- ปี 2566: 26.95 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 1.25 ล้านตัน)
- ปี 2567: 27.20 ล้านตัน (เพิ่มขึ้น 0.25 ล้านตัน)

จากข้อมูลจะพบว่า แม้ในปี 2564 ขยะมูลฝอยจะลดลงเล็กน้อย แต่ในปีถัดมาขยะมูลฝอยกลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2567 มีขยะมูลปฝอย 27.20 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.25 ล้านตันจากปี 2566 อย่างไรก็ตาม กลับพบว่ามีการนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจาก 9.31 ล้านตัน ในปี 2566 เป็น 10.51 ล้านตัน ในปี 2567 หรือคิดเป็น 38.64% ของขยะทั้งหมด
ทั้งนี้ นอกจากปริมาณขยะโดยรวมที่ยังคงเพิ่มขึ้นทุกปีแล้ว ปัญหาใหม่ที่กำลังเผชิญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาคือสัดส่วนของขยะอาหาร (Food Waste) จากรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) ระบุว่าขยะอาหารเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ที่สุดทั่วโลก อาหารประมาณหนึ่งในสามที่ผลิตเพื่อการบริโภคของมนุษย์ หรือ 1,300 ล้านตัน สูญหายหรือสูญเสียไปในแต่ละปี และในอนาคตก็อาจจะเพิ่มขึ้นได้อีก
จากปัญหาที่เกิดขึ้นจะเห็นได้ว่าในไทยก็หนีไม่พ้นเช่นกัน โดยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ขยะมูลฝอยชุมชนในปี 2564 นั้นมีถึง 38.76% เป็นขยะอาหาร โดยแหล่งกำเนิดขยะอาหารสูงสุดคือตลาดสด 77.26% ตามมาด้วยห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ 54.94%
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า เนื่องจากปัจจุบันคนมีพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป มีธุรกิจจัดส่งอาหาร (Food Delivery) เพิ่มมากขึ้น มีการแข่งขันของร้านอาหารมากขึ้นทำให้เกิดขยะอาหารเพิ่มขึ้นจากการสั่งซื้อเกินความจำเป็นหรือการเตรียมอาหารเกินความต้องการ โดยข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษระบุว่า ปริมาณขยะอาหารที่เกิดขึ้นในปี 2564 หากคิดเป็นต่อคนแล้ว จะอยู่ที่ 146 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
โดยกรมควบคุมมลพิษมีการจัดทำแผนที่นำทางการจัดการขยะอาหาร (พ.ศ. 2566 – 2573) และแผนปฏิบัติด้านการจัดการขยะอาหาร ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2566 – 2570) เพื่อแก้ไขการจัดการอาหารขยะในระยะยาว
อ้างอิง:
แผนที่นําทางการจัดการขยะอาหาร (พ.ศ. 2566 – 2573) และแผนปฏิบัติด้านการจัดการขยะอาหาร ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2566 – 2570) กรมควบคุมมลพิษ
รายงานประจำปี 2567 กรมควบคุมมลพิษ
ข้อมูลสถานการณ์ขยะมูลฝอยของประเทศ กรมควบคุมมลพิษ
