Connect with us

Hi, what are you looking for?

economy

ต่อรองภาษีทรัมป์ด้วยการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์

  • ปี 2567 ประเทศไทยมีความต้องการใช้อาหารสัตว์ประมาณ 21.30 ล้านตัน โดยใช้ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่มากที่สุด
  • ในปี 2567 พบว่าประเทศไทยมีความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ประมาณ 8.91 ล้านตัน แต่ประเทศไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เองเพียง 2.012 ล้านตัน จึงทำให้ต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศ 5.033 ล้านตัน ซึ่งไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่จากเมียนมา 86.99% 
  • แม้สหรัฐฯ จะเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อันดับหนึ่งของโลก และราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ ต่ำกว่าราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยนำเข้าอยู่ในปัจจุบัน แต่ภาษีการนำเข้า 20% ภายใต้ WTO และต้นทุนการขนส่งที่ไกลกว่า ก็อาจจะทำให้การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ มีราคาสูงกว่าการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะส่งผลต่อราคาเนื้อสัตว์ที่อาจจะสูงขึ้นไปด้วย
  • กากถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบที่ต้องนำเข้ามากที่สุด เนื่องจากผลิตในประเทศได้น้อยที่สุด และส่วนที่ผลิตในประเทศได้นั้นก็มาจากการใช้เมล็ดถั่วเหลืองในประเทศเพียง 0.51% และมาจากเมล็ดถั่วเหลืองที่ต้องนำเข้าถึง 99.49% โดยกากถั่วเหลืองได้มาจากเมล็ดถั่วเหลืองที่นำมาสกัดเป็นน้ำมันพืชในประเทศ 
  • ในปี 2567 ประเทศไทยนำเข้ากากถั่วเหลือง 8.832 ล้านตัน โดยนำเข้ามาจากบราซิลมากที่สุด การที่ประเทศไทยนำเข้ากากถั่วเหลืองจากบราซิลมากกว่าเป็นเพราะเหตุผลด้านราคา ที่ราคากากถั่วเหลืองของบราซิลนั้นถูกกว่าสหรัฐฯ และมีโปรตีนมากกว่าอีกด้วย ในขณะที่ภาษีนำเข้านั้นทั้งสองประเทศเท่ากันที่ 2%

จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีใหม่ โดยจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าที่อัตรา 10% และจะเก็บ “ภาษีต่างตอบแทน” (reciprocal tariff) กับประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลทางการค้า กว่า 60 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ และจะถูกเก็บภาษีสูงถึง 37% จนทำให้เกิดแนวคิดการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ โดยไทยจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่ม หนึ่งในนั้นคือแนวคิดการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และวัตถุดิบในการทำอาหารสัตว์ 

Rocket Media Lab ชวนดูข้อมูลอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ในประเทศไทย ว่าสุดท้ายแล้วเราควรจะนำเข้าอะไร ไม่นำเข้าอะไร จากสหรัฐฯ เพื่อต่อรองกำแพงภาษีต่างตอบแทนในครั้งนี้

อาหารสัตว์ทำมาจากวัตถุดิบอะไร และจำเป็นไหมที่ประเทศไทยต้องนำเข้า

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย พบว่า ปี 2567 ประเทศไทยมีความต้องการใช้อาหารสัตว์ประมาณ 21.30 ล้านตัน โดยใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ดังนี้ 

  1. การเลี้ยงไก่เนื้อมากที่สุด 8.07 ล้านตัน 
  2. หมูขุน 5.09 ล้านตัน 
  3. ไก่ไข่ให้ไข่ 2.27 ล้านตัน
  4. โคนม 1.15 ล้านตัน
  5. หมูพันธุ์ 1 ล้านตัน
  6. ไก่พ่อแม่พันธุ์ 0.96 ล้านตัน
  7. ไก่ไข่เล็กรุ่น 0.61 ล้านตัน 
  8. โคเนื้อขุน 0.54 ล้านตัน
  9. ปลา 0.54 ล้านตัน
  10. กุ้ง 0.51 ล้านตัน
  11. เป็ดเนื้อ 0.28 ล้านตัน
  12. เป็ดไข่ 0.25 ล้านตัน
  13. ไก่ไข่พ่อแม่พันธุ์ 0.02 ล้านตัน
  14. เป็ดพันธ์ุ 0.02 ล้านตัน

ซึ่งอาหารสัตว์ประกอบไปด้วยวัตถุดิบ คือ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปลายข้าว กากถั่วเหลือง ปลาป่น  และมันสำปะหลัง โดยในภาพรวมจะพบว่าวัตถุดิบเหล่านี้มาจากการนำเข้าประมาณ 60% และผลิตเองในประเทศอีก 40% หากแยกเป็นรายวัตถุดิบจะพบว่า

  1. ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ผลิตเอง 71.44% นำเข้า 28.56% 
  2. กากถั่วเหลือง ผลิตเอง 43.01% นำเข้า 56.99% 
  3. ปลาป่น ผลิตเอง 84.57% นำเข้า 15.43% 
  4. มันสำปะหลัง ผลิตเอง 85.56% นำเข้า 14.44% 

จากข้อมูลจะเห็นว่า วัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารสัตว์ที่มีการนำเข้ามากที่สุดคือกากถั่วเหลือง ในขณะที่มันสำปะหลังนั้นนำเข้าน้อยที่สุด เนื่องจากมีการผลิตในประเทศได้อย่างมาก และส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าเพื่อนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ มากกว่าอุตสาหกรรมอาหารสัตว์

ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในไทย มาจากที่ไหนบ้าง

จากข้อมูลในปี 2567 พบว่าประเทศไทยมีความต้องการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพื่อมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ประมาณ 8.91 ล้านตัน แต่ประเทศไทยผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้เองเพียง 2.012 ล้านตัน ทำให้ต้องนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศ 5.033 ล้านตัน ซึ่งไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ส่วนใหญ่จากเมียนมา 86.99% หรือประมาณ 1.75 ล้านตัน รองลงมาก็คือ ลาว และกัมพูชา 

การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในช่วง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2558 ถึงพฤศจิกายน 2567 พบว่า ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมามากที่สุด 8,127,181 ตัน จากทั้งหมด 9,394,819 ตัน และไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น 1,130.50% ปริมาณการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด 2 ครั้ง ได้แก่ ปี 2561 กับ ปี 2562 เพิ่มขึ้นประมาณ 5 เท่า และปี 2562 กับปี 2563 เพิ่มขึ้น 2 เท่า ปี 2567 มีปริมาณนำเข้าสูงสุด 2,012,11 ตัน

ในช่วงปี 2558-2559 ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากลาวเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปี 2562 จนถึงปี 2567 ไทยนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเมียนมาเป็นหลัก จาก 588,515 ตันในปี 2562 เป็น 1,750,024 ตันในปี 2567

นอกจากนี้การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมาอยู่ภายใต้ความตกลง ASEAN Trade in Goods Agreement (ATIGA) 3 ทำให้ผู้นำเข้าได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า รวมถึงต้นทุนค่าขนส่งต่ำ จึงมีความได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ ในปีเดียวกัน คณะรัฐมนตรียังคงนโยบายที่ผู้นำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จะได้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร ในอัตรา 0% เช่นเดิมในปี 2568 

อย่างไรก็ตาม การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้านก็มาพร้อมกระแสการคัดค้านเนื่องจากพบว่าการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศเพื่อนบ้านอาจสัมพันธ์กับประเด็นหมอกควันข้ามแดนจนก่อให้เกิดปัญหา PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดที่ติดกับประเทศเมียนมา ลาว และกัมพูชา

การที่ประเทศไทยมีแนวความคิดจะนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ เพื่อใช้ต่อรองการลดกำแพงภาษีต่างตอบแทน 37% ที่สหรัฐฯ ประกาศไปก่อนหน้านี้นั้น จากข้อมูลจะพบว่าแม้สหรัฐฯ จะเป็นผู้ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อันดับหนึ่งของโลก และราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ ต่ำกว่าราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ของประเทศเพื่อนบ้านที่ไทยนำเข้าอยู่ในปัจจุบัน แต่ภาษีการนำเข้า 20% ภายใต้ WTO และต้นทุนการขนส่งที่ไกลกว่า ก็อาจจะทำให้การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศสหรัฐฯ มีราคาสูงกว่าการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะส่งผลต่อราคาเนื้อสัตว์ที่อาจจะสูงขึ้นตามไปด้วย หากต้นทุนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการทำอาหารสัตว์สูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวคิดสนับสนุนเนื่องจากการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ อาจช่วยลดการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นส่วนของปัญหาหมอกควันข้ามแดนลงได้


นอกจากนี้ หลังจากมีกระแสแนวคิดจะนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ เพื่อใช้ต่อรองการลดกำแพงของสหรัฐฯ สมาคมพืชเกษตรไทย ทั้ง สมาคมโรงสีข้าวไทย, สมาคมการค้าพืชไร่, สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย และสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือยื่นคัดค้านแนวความคิดนี้ โดยให้เหตุผลว่า ข้าวโพดสหรัฐฯ เป็นพืช GMO ยังมีการเผาแปลงปลูกข้าวโพดด้วย ในขณะที่ประเทศไทยห้ามปลูกพืช GMO และห้ามเผาแปลงปลูก การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากสหรัฐฯ อาจจะขัดกับกฎหมายไทย และยังสามารถใช้ข้าวเปลือกและมันสำปะหลังในประเทศมาเป็นพืชทดแทนวัตถุดิบอาหารสัตว์ได้โดยไม่ต้องนำเข้า

กากถั่วเหลืองที่ใช้ทำอาหารสัตว์ในไทย มาจากที่ไหนบ้าง

กากถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารสัตว์ โดยสัดส่วนในการใช้อยู่ที่ประมาณ 28% แม้จะน้อยกว่าในส่วนของข้าวโพด มันสำปะหลัง ที่ถือเป็นอาหารกลุ่มที่ให้พลังงาน ส่วนกากถั่วเหลืองนั้นเป็นกลุ่มที่ให้โปรตีน แต่กากถั่วเหลืองกลับเป็นวัตถุดิบที่ต้องนำเข้ามากที่สุด เนื่องจากผลิตในประเทศได้น้อยที่สุด และส่วนที่ผลิตในประเทศได้นั้นก็มาจากการใช้เมล็ดถั่วเหลืองในประเทศเพียง 0.51% และมาจากเมล็ดถั่วเหลืองที่ต้องนำเข้าถึง 99.49% โดยกากถั่วเหลืองได้มาจากเมล็ดถั่วเหลืองที่นำมาสกัดเป็นน้ำมันพืชในประเทศ 

ในส่วนของกากถั่วเหลืองที่ต้องนำเข้านั้น โดยในปี 2567 ประเทศไทยนำเข้ากากถั่วเหลือง 8.832 ล้านตัน โดยนำเข้ามาจากบราซิลมากที่สุด คิดเป็น 89.03% รองลงมาก็คือสหรัฐฯ 6.73% อาร์เจนตินา 1.90% ปารากวัย 1.23 และอื่นๆ รวม 1.11% 

จากข้อมูลจะเห็นว่าประเทศไทยนำเข้ากากถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ อยู่แล้ว และสหรัฐฯ เองก็ส่งออกกากถั่วเหลืองเป็นอันดับสองของโลกรองจากประเทศจีน แต่การที่ประเทศไทยนำเข้ากากถั่วเหลืองจากบราซิลมากกว่าเป็นเพราะเหตุผลด้านราคา ที่ราคากากถั่วเหลืองของบราซิลนั้นถูกกว่าสหรัฐฯ และมีโปรตีนมากกว่าอีกด้วย ในขณะที่ภาษีนำเข้านั้นทั้งสองประเทศเท่ากันที่ 2% 

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยยังนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองที่ใช้ทำกากถั่วเหลืองมาจากบราซิลมากที่สุดด้วย รองลงมาคือสหรัฐฯ นอกจากกากถั่วเหลืองแล้วการที่จะนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ มากขึ้น ก็มีความเป็นไปได้เหลือเพียงการแข่งขันทางด้านราคาเท่านั้น เนื่องจากสหรัฐฯ ผลิตถั่วเหลืองได้ 118.84 ล้านตัน ถือเป็นประเทศที่ส่งออกอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล 

นอกจากนี้ยังพบว่าแนวคิดการนำเข้ากากถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นแนวคิดที่ได้รับการสนับสนุนมากที่สุดในกรณีที่หากทำราคาได้ถูกกว่าการนำเข้าบราซิล เพราะประเทศไทยเองผลิตกากถั่วเหลืองได้น้อยมาก ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก จึงอาจไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรไทย 

ปลาป่นที่ใช้ทำอาหารสัตว์ในไทย มาจากที่ไหนบ้าง

ปลาป่นเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่จำเป็นในการทำอาหารสัตว์ เนื่องจากให้โปรตีนสูงและมีกรดอะมิโนที่จำเป็นกับสัตว์ รวมถึงมีแคลเซียมและวิตามินสูงมาก และยังย่อยง่ายมากเหมาะกับสัตว์เลี้ยงแรกเกิด ในการทำอาหารสัตว์นั้นใช้ปลาป่นเป็นวัตถุดิบประมาณ 3% 

จากข้อมูลปี 2567 พบว่า ประเทศไทยต้องการปลาบ่น 0.61 ล้านตัน ผลิตได้เอง 0.28 ล้านตัน นำเข้า 0.051 ล้านตัน นอกจากนี้ยังพบว่ามีการส่งออกอีกด้วย 0.18 ล้านตัน โดยในส่วนของการนำเข้านั้นจะพบว่ามีการนำเข้าจากเมียนมามากที่สุด 77.24% รองลงมาคือฟิลิปปินส์ 6.07% มาเลเซีย 6.07% เวียดนาม 3.13% และอื่นๆ 7.49% ซึ่งทั้งหมดนั้นภาษีนำเข้า 0% 

อย่างไรก็ตาม  เนื่องจากความต้องการปลาบ่นในประเทศไม่ได้มาก และผลิตได้เองในประเทศอย่างเพียงพออยู่แล้ว จึงไม่มีประเด็นการนำเข้าปลาบ่นจากสหรัฐฯ และสหรัฐฯ เองก็เป็นประเทศที่ส่งออกปลาน้อยกว่าประเทศไทย โดยในปี 2566 ไทยส่งออกปลาบ่น 4.35 ล้านตัน ส่วนสหรัฐฯ ส่งออกเป็นอันดับ 10 ของโลก 3.61 ล้านตัน ในขณะที่เปรูเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกปลาบ่นมากที่สุดในโลก 

มันสำปะหลังที่ใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ ในไทย มาจากที่ไหนบ้าง

มันสำปะหลังเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารสัตว์ ในส่วนของวัตถุดิบที่ให้พลังงานเช่นเดียวกันกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ แต่ใช้น้อยกว่าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์

จากข้อมูลปี 2567 พบว่า ประเทศไทยมีความต้องการมันสำปะหลังในอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งหมด 42.58 ล้านตัน ผลิตเอง 27.19 ล้านตัน และมีการนำเข้าและส่งออก แบ่งเป็นการนำเข้า 4.52 ล้านตันและส่งออก 2.03 ล้านตัน โดยเป็นการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว 53.34% กัมพูชา 45.92% และเมียนมา 0.74% 

ขณะที่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์นั้นพบว่า ใช้มันสำปะหลังน้อยมาก เพราะมีโปรตีนต่ำ และมีสารพิษกรดไฮโดรไซยานิค จึงต้องนำไปผ่านกระบวนการลดสารพิษก่อน ทั้งการทำเป็นมันเส้น หรือมันหมัก โดยส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักจะนำไปทำเป็นมันเส้น 

อย่างไรก็ตาม การที่อาหารสัตว์ต้องพึ่งพาวัตถุดิบอย่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งต้องนำเข้ามากกว่า ก็ทำให้สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์มีแนวคิดในการผลักดันให้หันมาใช้มันเส้นมากขึ้นเพื่อลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ โดยในปี 2567 ไทยตั้งเป้าใช้มันเส้นในการเลี้ยงปศุสัตว์และทำอาหารสัตว์ 1 ล้านตัน หรือคิดเป็นหัวมันสด 2.5 ล้านตัน และไม่มีแนวคิดในการนำเข้ามันสำปะหลังเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถผลิตในประเทศได้เป็นจำนวนมาก และประเทศไทยเองก็เป็นผู้ส่งออกมันสำปะหลังเป็นอันดับ 3 ของโลก

ดูข้อมูลพื้นฐานที่นี่

อ้างอิง

รายงานสถิติ กรมศุลกากร 

ข้อมูลสินค้าเกษตร (Fact Sheet) ประจำปี 2567 เดือนมิถุนายน สัปดาห์ที่ 4 กองบริหารการพาณิชย์ภูมิภาค กระทรวงพาณิชย์

คุณอาจสนใจ